บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก มีนาคม, 2017

วิธีประคองตัวไม่ให้อ้วน

เมื่อต้องรับเลี้ยงในงานต่างๆ 1 คิดล่วงหน้าว่า อะไรคือสิ่งที่คุณจะรับประทาน และจะละเว้นอาหารอะไรบ้าง ข้อสำคัญทำให้ได้ตามที่คุณตั้งใจไว้ 2 ทานเพียงนิดๆหน่อยๆ อย่างละคำสองคำ พอรู้รสชาติอาหาร 3 ทานข้าวน้อยๆ ทานกับที่เป็นผักเยอะๆ หรือทานสลัดน้ำใสและผลไม้ต่างๆ ให้มากๆ จินตนาการว่าตัวเองเป็นผู้มังสวิรัติ เพราะนอกจากจะได้บุญแล้วยังทำให้หุ่นดีอีกด้วย 4 หากอยากทานเนื้อสัตว์ ให้เลือกเฉพาะที่ไม่ติดมัน และเลือกชิ้นบางๆเท่านั้น 5 เคี้ยวช้าๆ เพราะทานช้าจะอิ่มเร็ว ทานเร็วอิ่มช้า 6 เดินให้ไกลจากโต๊ะอาหาร พยายามเดินทักทายเพื่อนฝูงหรือขยับเขยื้อนร่างกายบ้าง เสมือนกับคุณกำลังบริหารร่างกายไปในตัว 7 เบี่ยงเบนความสนใจของตัวเอง โดยการหันไปฟังเพลงหรือคุยกับเพื่อนที่นานๆเจอกันที 8 หลังเลิกงานพยายามใช้บันใด อย่าใช้ลิฟต์ เพื่อเป็นการย่อยอาหาร และออกกำลังกาย จัดเลี้ยงในงานพบปะสังสรรค์ ไม่ว่าคุณจะจัดเลี้ยงหรือรับเลี้ยง สิ่งสำคัญที่คุณจะต้องท่องไว้ให้ขึ้นใจคือหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์โดยหันไปดื่มน้ำส้ม น้ำมะนาว หรือที่ดีที่สุดคือน้ำเปล่า เคล็ดลับถั

โรคภัยที่มากับความอ้วน

1 ปวดหัวเข่าก่อนวัยอันควร เกิดจากน้ำหนักตัวที่มากเกินไปกดลงบนหัวเข่าทั้งสองข้างเป็นเวลานานหลายปี ทำให้เกิดอาหารปวดเข่าทั้งๆที่ยังไม่แก่ตัวได้ 2 ปวดหลัง สาวๆที่น้ำหนักตัวมาก อาจมีอาการปวดหลังได้ เนื่องจากหน้าท้องที่ย้อยมากๆจะถ่วงน้ำหนักด้านหน้าทำให้กล้ามเนื้อหลังทำงานหนักทำให้เกิดอาหารปวดหลังตามมาได้ 3 มีโอกาสของโรคความดันโลหิตสูงได้ง่ายขึ้น ถ้าคนในครอบครัวมีประวัติของความดันโลหิตสูงอยู่ด้วย จะยิ่งมีโอกาสเป็นโรคความดันโลหิตสูงได้มากขึ้น ผลตามมาคือทำให้สมอง หัวใจ ไต ตาและเส้นเลือดต่างๆ เสื่อมลงเร็วกว่าคนปกติ 4 มีโอกาสเป็นเบาหวานมากขึ้น โดยเฉพาะถ้ามีกรรมพันธุ์ของเบาหวานอยู่แล้ว จะเป็นเกือบทุกราย 5 มีโอกาสเป็นนิ่วในถุงน้ำดี เนื่องจากความอ้วนทำให้มีไขมันในเลือดสูง ทำให้ส่วนประกอบในน้ำเปลี่ยนไป เกิดการตกตะกอนในน้ำดี เกิดเป็นนิ่วได้ง่ายขึ้น เคล็ดลับถัดไป วิธีประคองตัวไม่ให้อ้วน เคล็ดลับก่อนหน้า เคล็ดลับกินอย่างไรให้หุ่นสวยดูดีได้

เคล็ดลับกินอย่างไรให้หุ่นสวยดูดีได้

หากท่านเป็นคนหนึ่งที่เป็นหนุ่มหรือสาวทำงาน แล้วรู้สึกว่าตัวเองใช้พลังงานไปมากมายเหลือเกินในแต่ละวัน และหาทางออกในการชดเชยพลังงานที่สูญเสียไป โดยการแอบขนมหวาน หรือของกินจุบจิบไว้ในลิ้นชักโต๊ะและรับประทานอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อเจ้านายเผลอแล้วรู้สึกเหมือนพละกำลังทั้งหลายมันกลับคืนมา ขอให้คุณทราบไว้เลยว่า คุณเข้าใจผิดถนัด แท้ที่จริงแล้วคุณสามารถรับประทานตามใจปากได้โดยระมัดระวังเพียงเล็กน้อยเท่านั้นโดยปฏิบัติตามวิธีดังต่อไปนี้ 1 อย่าลดอาหารที่มีแคลอรีทั้งหมด มันจะดีไม่น้อยที่คุณไม่ต้องเกร็งกับการพกเครื่องคิดเลขไว้คอยคำนวณปริมาณ แคลอรีอยู่ตลอดเวลา เพียงแต่คุณรับประทานอาหารตามปกติ เพื่อให้พลังงานแก่ร่างกาย โดยขอให้คุณงดเว้นลูกอมหรืออาหารที่ไม่มีสารอาหารที่มีคุณค่าเท่านั้นครับ 2 รับประทานอาหารที่มีโปรตีน หากปริมาณน้ำตาลในเลือดของคุณคงที่ก็ไม่ต้องขวนขวายไปหรอกครับ แต่หากน้ำตาลในเลือดต่ำก็ทานอาหารประเภทโปรตีน เช่น ถั่ว ทูน่า และดื่มน้ำสะอาด อย่างน้อยวันละ 8 แก้ว 3 รับประทานอาหารไทยดีกว่าฟาสต์ฟู้ด เนื่องจากอาหารไทยเพียบพร้อมไปด้วยสารอาหารนานาชนิด ฟาสต์ฟู้ดอาจทำให้คุณอิ่มท้อง

หลักง่ายๆในการกำจัดให้ได้ 100 แคลอรีใน 1 วัน

แคลอรี คือพลังงานที่เราจะได้รับจากการรับประทานอาหารแต่ถ้าเราได้รับในปริมาณที่มากเกินความจำเป็น ก็จะส่งผลให้น้ำหนักตัวเราเพิ่มขึ้นได้โดยไม่รู้ตัว เรามาดูเคล็ดลับสำหรับการกำจัดแคลอรีกันครับ 1 ดื่มน้ำผลไม้สดแทน ชา กาแฟ และน้ำอัดลม 2 ตัดหนังและมันที่ติดมากับเนื้อออก 3 อาหารเช้าเปลี่ยนจากกาแฟ มาเป็นนมร้อนที่ให้แคลเซียมแทน 4 กินข้าวกล้องแทนข้าวขาว 5 เพิ่มผักในอาหารแต่ละมื้อ และลดปริมาณเนื้อในอาหารแต่ละมื้อ โดยเฉพาะกุ้ง ปลาหมึก เครื่องในสัตว์ 6 เลือกไอศกรีมวานิลลา แทนไอศกรีมกะทิ หรือช็อกโกแลต 7 ทานข้าวให้ช้า ตักข้าวคำเล็กลง และเคี้ยวให้ละเอียดขึ้น 8 ใช้เนยถั่ว หรือเนยกระเทียมแทนเนยสด ในการปรุงอาหาร 9 ตกเย็นเลิกดื่มเหล้าให้ไปออกกำลังกายหรือทำงานบ้านดีกว่า 10 หัดทานน้ำพริกหลากหลายรสชาติ กับปลาทู และผักสดแทนอาหารมื้อเย็นหนักๆ เคล็ดลับถัดไป เคล็ดลับกินอย่างไรให้หุ่นสวยดูดีได้ เคล็ดลับก่อนหน้า การลดน้ำหนักแบบผิดวิธีก่อให้เกิดอันตรายต่างๆ

การลดน้ำหนักแบบผิดวิธีก่อให้เกิดอันตรายต่างๆ

กว่าที่เราจะอ้วน ก็มีระยะเวลาสะสมไขมันไม่น้อย เพราะฉะนั้นการที่จะทำให้น้ำหนักลดลงนั้น ก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนถึงกับหาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบางอย่างมาช่วย ซึ่งบางชนิดก็มีฤทธิ์เป็นยาถ่าย บางอย่างก็ช่วยดูดไขมันไว้ก่อนที่ร่างกายเราจะทำการย่อยสลาย บางอย่างก็ทำให้ท้องเราอิ่มจะได้ไม่ต้องกินอาหารอื่นๆ มากโดยแต่ละชนิดก็มีผลเสียต่อสุขภาพร่างกายมารน้อยแตกต่างกันไป ตั้งแต่เป็นโรคท้องผูก ท้องเสีย ไปจนถึงขาดสารอาหาร และวิธีการลดความอ้วนโดยวิธีอดอาหารบางมื้อนั้น ไม่สมควรทำเป็นอย่างยิ่ง ส่วนการลดน้ำหนักที่อันตรายที่สุดคือ การใช้ยาลดความอ้วนชนิดกดความอยากอาหาร ซึ่งจัดเป็นวัตถุออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท เนื่องหากใช้ไปนานๆ จะทำให้ติดยา เสียทั้งร่างกายและจิตใจ จากคนที่เรียบร้อยอ่อนโยนกลายเป็นคนก้าวร้าว จนถึงเป็นโรคจิตประสาท และผลิตภัณฑ์รวมทั้งยาลดความอ้วนเหล่านี้ ถ้าเรากินแล้วก็ไม่ผอมแบบถาวร เมื่อเลิกกินก็จะกลับมาอ้วนอีก และอาจจะเป็นแบบ 1-2 เท่าด้วยซ้ำ เคล็ดลับถัดไป หลักง่ายๆในการกำจัด 100 แคลอรีใน 1 วัน เคล็ดลับก่อนหน้า วิธีเลี่ยงความอ้วนเมื่อต้องพักผ่อนอยู่บ้าน

วิธีเลี่ยงความอ้วนเมื่อต้องพักผ่อนอยู่กับบ้าน

1 ทานอาหารให้ตรงเวลา และงดการทานจุบจิบ เพราะจะเป็นการเพิ่มความอยากอาหารมากขึ้น 2 ไม่ควรซื้ออาหารว่างมาทิ้งไว้มากนัก เพราะหากคุณดูหนังไปทานของว่างไป น้ำหนักของคุณก็จะเพิ่มมากขึ้นโดยไม่รู้ตัว 3 พยายามหากิจกรรมอื่นๆ ที่ต้องขยับเขยื้อนร่างกายบ้าง เช่น ปลูกต้นไม้ รดน้ำต้นไม้ ถูบ้าน ซักผ้า ทำตัวเป็นแม่ศรีเรือนพ่อศรีเรือน 4 เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาส คือแทนที่วันหยุดจะเป็นช่วงที่คุณเสี่ยงต่อความอ้วนที่สุด ให้คุณใช้โอกาสทองนี้ บริหารร่างกายให้ดูเพรียว โดยฝึกท่าต่างๆ จากวิดีโอ โทรทัศน์ หรือจะเล่นกีฬาที่ให้เหงื่อ เช่น บาสเกตบอล ฟุตบอล แบดมินตัน จำไว้ว่า หากว่าไม่อยากกลายเป็นหมูอ้วนในบ้านละก็ลองทำตามคำแนะนำเหล่านี้ดู เท่านี้ฮอลิเดย์ก็จะให้คุณห่างไกลจากไขมันอย่างไม่ต้องสงสัยเลย เคล็ดลับถัดไป การลดน้ำหนักแบบผิดวิธีก่อให้เกิดอันตรายต่างๆ เคล็ดลับก่อนหน้า 10 ข้อผิดพลาดของการอดอาหารผิดวิธี

10 ข้อผิดพลาดของการอดอาหารผิดวิธี

คนเราอาจจะคิดเพียงแค่ว่าการขจัดความอ้วนก็แค่ลดอาหารเท่านั้น ซึ่งความจริงแล้ว เป็นความคิดที่ไม่ถูกต้องเลยด้วยซ้ำซึ่งเรามาดูกันว่าข้อปฏิบัติ ที่ผิดพลาด 10 ข้อสำหรับการอดอาหารคือ 1 เลือกทานแต่อาหารที่ชอบ โดยไม่ระวัง จะทำให้นักอดอาหารทานอาหารประเภทอื่นๆต่อไปได้เรื่อยๆ 2 อดอาหารมากเกินไป หากมัวแต่เข้มงวดในการควบคุมแคลอรีในร่างกายมากเกินไป ก็จะยิ่งเป็นการกระตุ้นให้หิวและอยากอาหารมากขึ้น ซึ่งอาจจะเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม เพราะเมื่อคุณกินจะมีปริมาณมากขึ้น 3 ไม่มีจุดยืนหรือเป้าหมายที่แน่ชัด หากอยากอดอาหารเพื่อลดความอ้วนก็ต้องตั้งเป้าหมายไว้ อย่างเช่น เขียนเอาไว้ในสมุดโน้ตว่า อยากลดเท่าใด อย่างไร แล้วทำความฝันให้เป็นจริง แต่ก็ต้องเป็นเป้าหมายที่เราสามารถทำได้ด้วย 4 ดื่มเครื่องดื่มที่ให้แคลอรีสูง อย่างการที่ดื่มไวน์แดงร่วมกับการรับประทานอาหารค่ำ การดื่มนม ไร้ไขมัน หรือน้ำผลไม้ ระหว่างวันก็ให้แคลอรีสูงเช่นกัน ซึ่งแคลอรีเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่อความพยายามในการลดน้ำหนัก ดังนั้นผู้ลดน้ำหนักจึงควรดื่มน้ำเปล่าดีกว่า หรือหากอยากเปลี่ยนรสชาติ ก็ให้ผสมน้ำมะนาวลงไปด้วย 5 ไม่ยอมออกกำลังกาย ผู

เคล็ดลับสาวหุ่นสวย

ไม่ว่าคุณจะทำงานที่บ้าน หรือทำงานที่ไหนก็ตาม คุณสามารถมีเคล็ดลับที่ทำให้คุณมีหุ่นสวยอยู่สม่ำเสมอได้ 1 แต่งกายให้ทะมัดทะแมง อย่าแต่งตัวตามสบายจนมากเกินไป เพราะมันเป็นผลทำให้คุณ อยากพักผ่อนนานๆ ทุกครั้งที่คุณรู้สึกเมื่อยล้า 2 ทำตารางเวลาอย่างเคร่งครัด โดยก่อนเริ่มงาน ให้คุณทำตารางเวลา การทำงานไว้ล่วงหน้า ว่ากันตั้งแต่ เวลาเริ่มงาน รายละเอียดของงานอย่างคร่าวๆ รวมไปถึงเวลา พักรับประทานอาหารกลางวันและอาหารว่างด้วย 3 ทำรายการอาหารไว้ล่วงหน้า อย่างในกรณีที่คุณทำอาหารเอง ให้คุณจัดรายการอาหารไว้ และซื้อของมากักตุนไว้ให้พร้อม พร้อมทั้งคำนวณปริมาณ แคลอรีแต่ละมื้อไว้ด้วย 4 ออกไปหาเพื่อนบ้าง เพื่อเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศ ให้คุณได้เคลื่อนไหวร่างกาย จะได้ไม่รู้สึกขี้เกียจจนเกินไป เป็นการใช้พลังงานไม่สะสมไขมัน 5 ผ่อนคลายบ้าง เพราะถ้าหากคุณรู้สึกเมื่อยล้ากับการทำงาน ก็อยากให้คุณหยุดพักโดยการออกไปเดินยืดเส้นยืดสายทีสนามหน้าบ้าน สูดหายใจให้ลึกๆ บิดซ้ายบิดขวา แทนที่จะเข้าครัว เพราะคุณจะเลือกที่จะหาอาหารใส่ปาก ก็ทำให้คุณอ้วนได้นั่นเอง 6 ต้องเก็บอาหารให้ห่างไกลจากโต๊ะทำงาน ทั้งน

เคล็ดลับการลดน้ำหนักให้เห็นผลโดยไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ

1 กินอาหารได้ตามปกติ แต่ต้องใช้พลังงานที่ได้รับให้หมด ด้วยการเคลื่อนไหวร่างกายให้มากเข้าไว้ และต้องมากกว่าพลังงานที่ได้รับจากการรับประทานอาหารด้วย 2 อดทนและทนอด กล่าวคือค่อยๆลดปริมาณให้น้อยลง และไม่ใช่ลดพรวดพราด และกินให้พออิ่มเท่านั้น 3 ตักอาหารทีละน้อย ตักข้าวใส่จานก็ควรตักแค่น้อยๆก่อน เพราะถ้าไม่อิ่มก็สามารถตักเพิ่มได้ แต่ถ้าอิ่มแล้วแต่ยังมีข้าวเหลือ ก็อาจจะเกิดอาการเสียดาย ต้องกินให้หมด ทำให้เป็นผลให้กลายเป็นคนอ้วนได้ เพราะคำว่าเสียดาย 4 ตั้งปณิธานให้มั่นและแน่วแน่ ท่องไว้ในใจเสมอ หากมีอาหารอยู่ใกล้ๆ ว่ากินแล้วอ้วน หุ่นไม่สวย หรืออะไรก็แล้วแต่ ที่สามารถให้ความอยากของคุณชะงักลงได้ 5 เปลี่ยนนิสัยการกินเสียใหม่ จากคนที่เคยกินจุบจิบ พยายามทานอาหารเป็นมื้อๆ กินอาหารให้หลากหลายด้วย จะได้ไม่เป็นโรคขาดสารอาหาร และเลิกเป็นพวกชอบชิม 6 หลีกห่างจากอาหารอันตราย เช่น อาหารไขมันสูง เช่น นม เนย เนื้อแดง เค้ก และขนมปัง 7 อย่ากินเมื่อเครียด อย่างสาวๆ บางรายที่เกิดอาการอกหักจะประชดตัวเองด้วยการกิน กินทุกอย่างที่ขวางหน้า นั่นแหละเขาเรียกว่าไม่รักตัวเอง เพราะแทนที่คนรัก

จะลดน้ำหนักต้องลดไขมันให้ได้

หากได้ทราบถึงกระบวนการที่ร่างกายสร้างและใช้ไขมันแล้วก็คงจะมองเห็นได้ว่าทำไมเราถึงได้อ้วน และจะลดความอ้วนได้อย่างไรหากอัตราที่เราได้รับพลังงานสูงมากกว่าที่เราใช้พลังงานแล้ว แน่นอนว่าย่อมมีพลังงานเหลือเก็บ ถ้าเก็บมากๆเข้า ไม่ช้าเราก็จะอ้วนเพราะสะสมไขมันไว้เยอะ วิธีที่จะคงน้ำหนักเพื่อให้เรามีสุขภาพที่ดีนั้น ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เห็นพ้องต้องกันว่าต้อง 1 กินอาหารให้มีสัดส่วนที่เหมาะสมของกลูโคส ไขมันและโปรตีน 2 อย่ากินมากจนเกินไป คนส่วนใหญ่ได้รับพลังงาน 1,500 ถึง 2,000 แคลอรีต่อวัน ก็เพียงพอแล้ว ยกเว้นว่าเราต้องทำงานใช้แรงมาก ก็ต้องได้รับพลังงานเพิ่มขึ้น 3 ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ แค่สัปดาห์ละ 3 วัน วันละครึ่งชั่วโมงก็ใช้ได้แล้ว อย่าออกจนหักโหมเดี๋ยวหัวใจจะวายก่อนที่น้ำหนักจะลด แค่การเดินติดต่อกันครึ่งชั่วโมงก็ได้ประโยชน์แล้วล่ะครับ กว่าที่เราจะอ้วนนั้นต้องใช้เวลาสะสมไขมันมาไม่ใช่น้อย บางทีเราเองยังไม่รู้ตัวเลยว่าเราอ้วนแล้วจนกว่าจะมีใครมาทัก ดังนั้นการที่จะทำให้น้ำหนักลด ก็ไม่จำเป็นต้องรีบร้อนถึงหาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารบางอย่างมาช่วย ซึ่งบางชนิดก็มีฤทธิ์เป็นยาถ่าย บางอย่างก็

ยาลดความอ้วนมีประโยชน์หรือโทษกันแน่?

ยาลดความอ้วนแทบทุกชนิด แท้จริงแล้วคือยาระงับอาการอยากอาหารซึ่งหมายความว่าอาจช่วยลดปริมาณอาหารได้ทางอ้อมเพราะไม่อยากกิน แต่เมื่อไหร่ที่หยุดยา น้ำหนักตัวคุณจะเพิ่มขึ้นตามปกติ และเป็นไปได้ที่จะมีผลข้างเคียงอีกด้วย และยาลดความอ้วนนั้น ระบาดไปทั่วไม่ใช่แค่เฉพาะผู้ใหญ่เท่านั้น แต่ยังรวมถึงกลุ่มวัยรุ่นด้วย  น่าจะเป็นเพราะจำนวนร้านอาหารฟาสฟู้ดที่ไขมันสูงเพิ่มขึ้น บวกกับชีวิตประจำวันที่มีเครื่องอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น รีโมตทีวี เครื่องซักผ้า เครื่องล้างจาน ซึ่งประหยัดเวลา และแน่นอนย่อมต้องประหยัดพลังงาน (อันเหลือล้น) ของเราด้วย ทำให้ร่างกายคนเราไม่เผาผลาญอาหาร การใช้ยาลดความอ้วน เป็นที่นิยมมากแต่ไม่แนะนำให้ใช้ เพราะส่วนใหญ่รับประทานเข้าไปแล้วจะไปออกฤทธิ์กดประสาท ส่วนที่ควบคุมความหิวในสมองส่วนกลางทำให้ไม่อยากอาหาร โดยตัวยา จริงๆแล้วไม่ได้ทำให้ผอมได้ ดังนั้น ส่วนใหญ่การใช้ยา จึงใช้ร่วมกับการควบคุมอาหาร และการออกกำลังกาย ซึ่งการใช้ยาส่วนใหญ่จะได้ผลในระยะสั้นเพียง 4-6 สัปดาห์ และไม่เกิน 3 เดือนเท่านั้น โดยต้องอยู่ในความดูแลใกล้ชิดของแพทย์ หลังจากนั้นมักจะไม่ได้ผล ซ้ำจะเกิดอาการดื้

กล้วยน้ำว้า กับการลดความอ้วน

จริงๆแล้ว คุณสมบัติของกล้วยนั้น ล้วนแล้วแต่มีคุณประโยชน์สำหรับร่างกายนานัปการ และสามารถกินได้ตั้งแต่ดิบจนถึงสุกเลยทีเดียวเชียวล่ะ อย่างกล้วยดิบก็สามารถแก้ท้องอืด ท้องขึ้น ส่วนกล้วยสุกก็เป็นยาระบาย เพราะฉะนั้นใครท้องผูกล่ะก็เลือกกล้วยมารับประทานสัก 2-3 ผลก็จะถ่ายคล่องแน่นอน นอกจากนี้กล้วยยังมีไฟเบอร์ (เส้นใยกากอาหาร) ซึ่งมีผลต่อการลดคอเรสเตอรอลในเลือด ลดการเสี่ยงในการเป็นมะเร็ง รวมทั้งโรคหัวใจและโรคเบาหวานอีกด้วยและที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือ ทำให้ห่างจากโรคอ้วนซึ่งสาวๆไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วย  เพราะการกินกล้วยนั้นจะทำให้อิ่มเร็วและอิ่มนาน ความอยากอาหารจะน้อยลง เพราะไฟเบอร์ที่ละลายจะไปเคลือบผิวกระเพาะและทำปฏิกริยากับกรดทำให้เกิดสารเจลาติน และกล้วยก็ยังมีสารอาหารจำเป็นแก่ร่างกายทั้งวิตามินและเกลือแร่อีกด้วย เพราะฉะนั้นคงจะเป็นเรื่องดี ถ้าเรารับประทานกล้วยน้ำว้าทุกวัน เคล็ดลับถัดไป ยาลดความอ้วนมีประโยชน์หรือโทษกันแน่? เคล็ดลับก่อนหน้า 11 เทคนิคการกินเพื่อหุ่นสวยดูดีและสุขภาพแข็งแรง

11 เทคนิคการกินเพื่อหุ่นสวยดูดีและสุขภาพแข็งแรง

1 เน้นอาหารที่มื้อเช้า ส่วนมื้อกลางวันก็อยู่ในปริมาณที่พอดี สำหรับมื้อเย็น ควรเป็นอาหารที่มีแคลอรี่น้อย ที่สุด เพราะในช่วงที่ร่างกายสามารถเผาผลาญแคลอรีได้เป็นอย่างดี ก็คือช่วงที่เราต้องใช้พลังงานเยอะๆ นั่นก็คือ ช่วงเช้าและกลางวัน 2 ทานอาหารประเภทของมันๆ เฉพาะนอกบ้านเท่านั้นเพื่อเป็นการจำกัดปริมาณในการกิน เพราะถ้าคุณทำอาหารประเภทมัน ของทอด ที่ทำให้สะสมไขมันอย่างหนัก ไว้ในมื้อประจำของคุณมีหวังไม่กี่วันความอ้วนถามหาแน่นอน 3 เลือกไปทานอาหารนอกบ้าน ด้วยมื้อกลางวัน แทนที่จะเป็นมื้อเย็น และพยายามนัดเวลาให้บ่ายสักหน่อย เพื่อที่ว่าในเวลามื้อเย็นคุณจะได้ไม่หิวมาก ทำให้กินอาหารได้ปริมาณน้อย 4 เลือกกินแต่อาหารดีมีประโยชน์เท่านั้น 5 ดื่มน้ำมากๆโดยเฉพาะน้ำเปล่า และอาจดื่มน้ำขิง เพราะมีประโยชน์ต่อร่างกาย และการดื่มน้ำนี่ก็เพื่อไม่ให้ปากว่าง ไม่ต้องไปหาของขบเคี้ยวอื่นๆ มารับประทาน 6 นำผักผลไม้ตามฤดูกาลมาหั่นแช่ตู้เย็นไว้ เพื่อเป็นของทานเล่น เพราะนอกจากจะไม่ทำให้อ้วนแล้ว ยังให้วิตามินกับร่างกายอีกด้วย 7 ไม่ตุนของขบเคี้ยวไว้ที่บ้าน ถ้าอยากกินก็ไปซื้อมาแค่พอหายอยากเท่

ความเชื่อผิดๆเกี่ยวกับการลดน้ำหนัก

อย่าไปเชื่อที่คนเขาว่า น้ำหนักที่หายไปจากการไดเอ็ทจะไม่กลับมาอีก ถ้าคุณเชื่อตามนี้ โอกาสที่จะปล่อยเนื้อปล่อยตัว ให้กลับมามีนิสัยการกินแบบเดิมก็มีสูงมาก และ อีกความเชื่อที่ผิดคือคุณสามารถลดน้ำหนักได้อย่างรวดเร็วภายในเวลา 1 เดือน   ในความเป็นจริงน้ำหนักจะลดได้อย่างเหมาะสมประมาณ 1 กิโลกรัม ใน 1 เดือนเท่านั้น อย่างไรก็ตามคุณสามารถกินอาหารที่มีน้ำตาลพอเหมาะได้ แต่ต้องไม่หวานมากเกินไป ลองหันมากินผลไม้แทน และอย่าสวาปามอาหารที่ยี่ห้อบอกว่าปลอดไขมันมากเกินไป ด้วยความชะล่าใจควรตรวจดูส่วนประกอบที่ฉลากก่อนเสมอ เคล็ดลับถัดไป 11 เทคนิกการกินเพื่อหุ่นสวยดูดีและสุขภาพแข็งแรง เคล็ดลับก่อนหน้า วิธีลดความอ้วนอย่างง่ายและได้ผล

วิธีลดความอ้วนอย่างง่ายและได้ผล

1 งดอาหารที่มีไขมันมากๆ ประเภทของมันของทอด ควรเลือกทานปลาจะดีที่สุด 2 เลิกดื่มกาแฟ หันมาดื่มชาแทน เพราะข้อดีของชาก็คือช่วยระบาย แก้ท้องผูก เรียกว่าดื่มง่าย ถ่ายคล่องนั่นเอง อย่างนี้จะอ้วนได้ยัง 3 กินอาหารมื้อกลางวันที่มีไขมันต่ำ เลือกทานผักจะเป็นการดีที่สุด และควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีน้ำมันมากๆ เช่น ก๋วยเตี๋ยวหรือผัดซีอิ๊ว 4 เลือกกินผักในมื้อเย็นเช่นกัน อย่าเมนูเด็ดก็อาจจะเป็นส้มตำ หรือสุกี้ยากี้ก็ได้ 5 ดื่มน้ำเปล่าดีที่สุด หรือไม่ก็หันมาดื่มเครื่องดื่มประเภทไดเอท หากคุณเป็นคนชอบดื่มเครื่องดื่มอื่นๆ 6 เลี่ยงการดื่มกาแฟ หันมาดื่มน้ำเปล่า 7 นอกจากนี้ควรออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 20-30 นาที  เคล็ดลับก่อนหน้า อะไรควรกินอะไรไม่ควรกินเพื่อสุขภาพ

อะไรควรกินและอะไรไม่ควรกินเพื่อสุขภาพ

การกินที่ดีที่สุดคือเน้นความสมดุลของอาหาร 5 หมู่ คือคาร์โบไฮเดรต โปรตีน ผัก ผลไม้และไขมัน ในแต่ละวันควรได้รับโปรตีนพอประมาณ ไขมันและน้ำตาลน้อยหน่อย เน้นพวกผักและผลไม้มากๆ อย่างไรก็ตามปริมาณของอาหารเหล่านี้แตกต่างกันไปตามอายุของแต่ละคน ยิ่งอายุมากก็ควรจะบริโภคไขมันและแคลอรีให้น้อยลง เคล็ดลับถัดไป วิธีลดความอ้วนอย่างง่ายและได้ผล เคล็ดลับก่อนหน้า กินจุบจิบมีโทษอย่างไร?

กินจุบจิบมีโทษอย่างไร?

การทานขนมทานเล่น ไม่ว่าจะเป็น เทสโต้ หรือเลย์ ก็ล้วนแต่เป็นขนมติดปาก ติดมือ ของเราทั่วไปพอว่างเป็นไม่ได้ ต้องหาอะไรมาแก้เหงาปากทุกครั้งไป แต่นั่นแหละความอ้วนล้วนๆ เลยเชียวล่ะครับ แคเพียงคำสองคำ ก็เป็นเรื่องได้เหมือนกัน สาเหตุสำคัญน้ำหนักตัวเพิ่ม ก็คือการที่เรากินอาหารไม่ถูกหลักโภชนาการ เช่น ของทอดของหวาน รวมถึงอาหารขยะสำเร็จรูปทั้งหลาย แล้วยังขาดการออกกำลังกายอีก บางคนนั่งรถไปทำงานถึงที่ทำงานแล้วรากก็งอกอยู่กับโต๊ะตลอดวัน กลับถึงบ้านนั่งนอนดูทีวีต่อ การกินตามใจปาก เช่น เวลาที่เครียดขึ้นมา หรือกินแก้เหงาเวลาอยู่คนเดียว หรือออกไปเจอเพื่อนฝูง เลยเอ็นจอยอีตติ้งล้วนมีผลให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งนั้น โดยเฉพาะคุณผู้หญิง มีแนวโน้มที่จะเป็นแบบนี้มากกว่าผู้ชาย เพราะขนาดรูปร่างและกล้ามเนื้อที่เล็กว่า บวกกับนิสัยชอบกินจุบกินจิบ ทำให้อ้วนง่ายกว่า แต่คุณสามารถปรับปรุงได้ด้วยการกินอาหารที่เหมาะสม และออกกำลังกาย เคล็ดลับถัดไป อะไรควรกินและไม่ควรกินเพื่อสุขภาพ เคล็ดลับก่อนหน้า ความอ้วนเป็นต้นเหตุแห่งภัยร้ายจริงหรือ?

ความอ้วนเป็นต้นเหตุแห่งภัยร้ายจริงหรือ?

โดยทั่วไปคนอ้วนมีอัตราเสี่ยงที่จะเกิดโรคมากมายหลายอย่าง โดยเฉพาะบริเวณที่รับน้ำหนัก เสี่ยงต่อโรคมะเร็งบางชนิด เช่น มะเร็งเต้านม มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก เป็นผลมาจากการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมนเอสโตรเจนในเนื้อเยื่อ ทีมีไขมันสูงขึ้น ภาวะโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตัน เพราะไขมันเกาะตามเส้นเลือด ความดันโลหิตสูงขึ้น โอกาสเป็นโรคเบาหวานสูง คนอ้วนปานกลางมีโอกาสเป็นโรคเบาหวานมากกว่าคนรูปร่างปกติถึง 10 เท่า โรคเกี่ยวกับตับ เพราะเกิดการสะสมไขมันที่ตับ และความเสี่ยงต่อการเกิดโรคนิ่วในถุงน้ำดี โดยเฉพาะในผู้หญิงที่อ้วนจะพบได้มากกว่าผู้ชาย 2 เท่า โรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ โดยเฉพาะในคนอ้วนรุนแรง อาจจะมีลักษณะของคนที่ง่วงนอนง่าย และในขณะที่นอนหลับอาจจะเกิดภาวการณ์หยุดหายใจเป็นช่วงๆ ทำให้เกิดการคั่งของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในเลือด และมีออกซิเจนในเลือดต่ำ จนเกิดภาวะโลหิตข้น ดังนั้นถ้าหลังจากคำนวณแล้วว่าคุณเป็นคนหนึ่งที่เข้าข่ายอ้วน ก็สมควรลดน้ำหนักลง แต่ต้องลดอย่างมีหลักการ ค่อยเป็นค่อยไป ให้สภาพร่างกายค่อยๆ ปรับตัว ห้ามใจร้อน ความสำเร็จขึ้นอยู่กับการปรับพฤติกรรมการกินการใช้ชีวิต บวกด้วยความมุ่งมั่นอดทนด้

มาร์ชแมลโลว์

ส่วนผสม เจลาตินผง  ½ ถ้วย น้ำเปล่า 2 ถ้วย น้ำตาลทราย 5 ถ้วย น้ำตาลอินเวิร์ต 1 ถ้วย แบะแซ 4 ถ้วย ไข่ขาว 1/3 ถ้วย กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ 1 แช่เจลาตินในน้ำเปล่าแล้วอุ่นให้ละลาย เติมน้ำตาลทรายน้ำตาลอินเวิร์ตและแบะแซลงไป แล้วต้มต่อไปให้ได้ความร้อนคงที่ที่ 85 องศาเซลเซียส จากนั้นทิ้งส่วนผสมให้เย็นลงจนมีอุณหภูมิ 65 องศาเซลเซียส 2 เทส่วนผสมลงในเครื่องตี เติมกลิ่นวานิลลา ไข่ขาว แล้วตีให้ฟูจนได้ปริมาตรสูงสุด 3 เทส่วนผสมที่ได้ใส่ลงในถาดที่ทาน้ำมันไว้บางๆ แล้วใช้มีดตัดให้ได้ขนาดพอดีคำ เคล็ดลับถัดไป ความอ้วนเป็นต้นเหตุแห่งภัยร้ายจริงเหรอ? เคล็ดลับก่อนหน้า วิธีทำกัมมี่บลูเบอร์รี่