บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก กุมภาพันธ์, 2015

การทำทุเรียนกวน

ทุเรียนเป็นผลไม้ไทยที่ใครหลายคนชอบมากเป็นพิเศษ เพราะหากรับประทานแล้วจะได้รสหอมหวานอร่อยแม้บางสถานการณ์ทุเรียนจะเป็นของต้องห้ามก็ตาม เช่นหากท่านขึ้นรถปรับอากาศก็ห้ามนำทุเรียนขึ้นไป เพราะในสถานการณ์เช่นนั้นทุเรียนจะมีกลิ่นที่ไม่น่าพึงประสงค์หรือแม้ชาวต่างชาติโดยเฉพาะชาวตะวันตกจะไม่ชอบทุเรียนเอาเสียเลยบอกว่ามีกลิ่นฉุนรุนแรงเป็นอย่างยิ่งแต่สำหรับคนเอเชียอย่างคนไทยเราเวลารับประทานทุเรียนแล้วจะรู้สึกอร่อยมากเลยล่ะ แต่หากที่บ้านท่านมีสวนทุเรียนและเหลือทุเรียนหลังจากจำหน่ายเยอะเกินไปหรือสุกงอมจนเละรับประทานไม่ทัน ทุเรียนดังกล่าวสามารถนำมาแปรรูปและเก็บไว้รับประทานได้นานๆครับ และหากยากเพิ่มมูลค่าเพิ่มให้ทุเรียนวิธีถนอมอาหารที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้เหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับทุเรียน วิธีที่จะกล่าวถึงก็คือการทำทุเรียนกวนนั่นเองครับ ดูส่วนผสมและวิธีทำได้ดังต่อไปนี้ครับ ส่วนผสม เนื้อทุเรียน 1 กิโลกรัม น้ำตาลปี๊บ ½ ถ้วย กะทิ 2 ถ้วย วิธีทำ ทุเรียนที่เหมาะสำหรับกวนคือทุเรียนเนื้อเละที่สุกงอมจนเปลือกอ้าแล้ว   ให้ขูดเอาแต่เนื้อทุเรียน นำกระทะทองเหลือหรือหม้อเคลือบ เคี่ยวน้ำกะทิ จนแตกมัน ใส่น้ำ

วิธีซ่อมมุ้งลวดที่ขาดเป็นรูเล็กๆ

ทุกบ้านมักมีมุ้งลวดไว้ติดที่ประตูบ้าง หน้าต่างบ้าง หรือตามช่องลมต่างๆ เพื่อป้องกันยุงเข้ามาในบ้านเวลากลางคืน แต่หากมุ้งลวดที่ใช้อยู่เมื่อนานๆไปอาจเกิดการชำรุดเสียหายได้ เช่นอาจขาดเป็นรูเล็กๆ เท่านิ้วชี้บ้าง นิ้วหัวแม่มือบ้าง หรือบางทีอาจใหญ่กว่านั้น แต่ไม่ถึงกับใหญ่มาก จนยุงสามารถบินเข้ามาได้หากมุ้งลวดที่บ้านท่านเกิดรอยชำรุดหรือเป็นช่องโหว่ดังกล่าวสามารถซ่อมแซมได้ไม่ยากครับ วิธีซ่อมก็คือให้นำกาวยางมาทาหรือใช้ยาทาเล็บชนิดใสมาทาทับกันที่รูขาดหลายๆครั้ง หรือถ้ารูใหญ่หน่อยก็ให้ใช้สก็อตเทปติดที่รูขาดทั้งด้านนอกและด้านในก็สามารถช่วยแก้ไขได้เหมือนกัน แต่ในกรณีที่มุ้งลวดขาดเป็นรูขนาดใหญ่ ให้ซ่อมโดยการปะ กล่าวคือให้หามุ้งลวดอันใหม่มาตัดให้เป็นแผ่นสี่เหลี่ยมที่มีขนาดโตกว่ารูที่ขาดแล้วดึงเส้นลวดริมขอบแผ่นมุ้งลวดออกมาด้านละ เส้นทั้งสี่ด้าน จากนั้นให้จับเส้นลวดพับขึ้นเป็นมุมฉากให้ตรง แล้วนำมาวางคว่ำทับลงไปตรงรูที่ขาด ต่อจากนั้นให้บิดเส้นลวดพันกันเพื่อไม่ให้หลุด แต่ไม่ต้องบิดให้แน่นจนเกินไป แค่นี้ก็สามารถแก้ปัญหามุ้งลวดขาดเพื่อป้องกันยุงเข้ามาในบ้านหรือห้องนอนได้แล้วครับ การซ่อมแซมอื่น

เปลือกส้มโอแช่อิ่มแห้ง

ส่วนผสม เปลือกส้มโอเฉพาะส่วนสีขาว 100 กรัม น้ำตาลทรายแดง ½ ถ้วย น้ำตาลทรายขาว 1 ถ้วย น้ำปูนใส 1 ถ้วย น้ำเปล่า วิธีทำ นำส้มโอมาปอกเปลือกเอาเฉพาะส่วนเปลือกที่เป็นสีขาว เอาเยื่อหุ้มด้านในที่เป็นเส้นใยออกไปด้วย แล้วหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมกว้างยาวประมาณ 2 x2x5 ซม . นำไปต้มแล้วพักในน้ำเย็น บีบเอาน้ำรสขมออกไปแล้วต้มใหม่อีกครั้งพักน้ำเย็นแล้วบีบน้ำรสขมทิ้งอีกที แต่อย่าต้มนานจนเปื่อย เสร็จแล้วนำแช่น้ำปูนใสเป็นเวลา 1 คืน แล้วนำขึ้นมาจากน้ำปูนใส ขยำบีบน้ำปูนใสออกจากเปลือกส้มโอ จุ่มลงในน้ำสะอาดให้น้ำซึมเข้าไป บีบทิ้งอีกที แล้วล้างด้วยน้ำสะอาดอีก ให้ทำจนแน่ใจว่าความขมจะหมดไป จึงเอาเปลือ ก ส้มโอไปผึ่งลมให้แห้ง นำน้ำตาลมาต้มกับน้ำในกระทะทองเหลือง พอเดือดน้ำตาลละลายหมดก็กรองด้วยผ้าขาวบางถ้ามองเห็นสิ่งสกปรก จากนั้นเอาเปลือกส้มโอที่แห้งดีแล้วใส่ลงไปเชื่อมในน้ำเชื่อม ตั้งไฟอ่อนๆเคี่ยวไปจนกระทั่งน้ำเชื่อมมีความเหนียวหนืด แล้วเตรียมขวดโหลแก้วที่ล้างสะอาดผ่านการต้มมาแล้ว 15 นาทีสำหรับแช่เปลือกส้มโอกับน้ำเชื่อม  เทน้ำเชื่อมกับเปลือกส้มโอขณะที่ยังร้อนอยู่ให้น้ำเชื่อมท่วมเปลือกส้มโอ ป

วิธีช่วยผู้ป่วยเบาหวานหมดสติ

สำหรับผู้ป่วยเบาหวานหมดสติมาจากสาเหตุสำคัญสองประการ กล่าวคือ น้ำตาลในเลือดต่ำหรือสูงเกินไป ถ้าหากผู้ป่วยรู้ตัวว่าเริ่มจะมีอาการผิดปกติเพราะน้ำตาลในเลือดต่ำหรือสูงเกินไป ผู้ป่วยก็จะสามารถช่วยเหลือตนเองให้รอดพ้นจากสภาวการณ์หมดสติได้ การหมดสติของผู้ป่วยเบาหวานที่มีสาเหตุมาจากน้ำตาลในเลือดต่ำนั้นผู้ป่วยจะมีอาการเริ่มต้นมึนหรือวิงเวียนศีรษะ อ่อนเพลีย ใจสั่น ชีพจรเต้นผิดปกติ เหงื่อออก เย็นชื้น หน้าซีดซึ่งความรู้สึกเหล่านี้เป็นความรู้สึกเดียวกับเวลาหิวมากๆ ในระยะนี้หากผู้ป่วยยังพอมีสติอยู่ ก็ให้กินผลไม้หวาน เช่นอินทผลัม หรือน้ำผลไม้ที่มีรสหวาน หากไม่มีก็อาจจะให้กินขนมหวาน น้ำหวาน ลูกอมรสหวานจะช่วยให้ผู้ป่วยรอดพ้นจากภาวะที่จะหมดสติได้ อย่างไรก็ตามหากพบผู้ป่วยหมดสติไปแล้วและทราบว่ามีสาเหตุมาจากน้ำตาลในเลือดต่ำก็ให้เอาน้ำหวานแตะลิ้นผู้ป่วยจะช่วยให้ผู้ป่วยฟื้นตัวได้เมื่อผู้ป่วยเริ่มรู้สึกตัวก็ให้ดื่มน้ำหวานเพิ่มเติมอีกหน่อย แต่ทางที่ดีที่สุดควรจะหาวิธีป้องกันไม่ให้เกิดภาวะออย่างนี้จะดีกว่า วิธีป้องกันก็คือกินอาหารอย่างพอเพียงและให้ตรงเวลา อย่าทำงานหรือออกแรงหนักเกินไปและให้รับประทานยาตามแพ

วิธีช่วยยืดอายุเครื่องยนต์และประหยัดน้ำมันง่ายๆ

สำหรับท่านที่ใช้รถยนต์ไม่ว่าจะมือใหม่มือเก่าล้วนจำเป็นต้องเรียนรู้เกี่ยวกับวิธีช่วยยืดอายุเครื่องยนต์และประหยัดน้ำมัน เพราะวิธีที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้มีประโยชน์ต่อท่านมากมายมหาศาล เนื่องจากรถยนต์ที่ท่านซื้อมานั้นไม่ใช่ราคาร้อยสองร้อยหรือสองสามพันบาทแต่ในปัจจุบันรถยนต์ราคาถีบตัวสูงขึ้นเป็นแสนเป็นล้านดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่ท่านควรจะรู้จักบำรุงรักษาให้รถยนต์ของท่านสามารถใช้ได้ไปนานๆ ยิ่งนานเท่าไหร่ยิ่งดี เพราะต่อไปในวันข้างหน้าราคารถยนต์ก็จะถีบตัวสูงขึ้นกว่านี้อีกหลายเท่า วิธีช่วยยืดอายุเครื่องยนต์และประหยัดน้ำมันง่ายๆอีกวิธีหนึ่งซึ่งง่ายมากแต่หลายคนอาจมองข้ามไปหรือคาดไม่ถึงว่าวิธีง่ายๆอย่างนี้ สามารถช่วยประหยัดน้ำมันและถนอมเครื่องยนต์ของท่านได้ วิธีที่ว่าก็คืออย่าบรรทุกสัมภาระต่างๆเยอะเกินไปให้บรรทุกเท่าที่จำเป็นไม่ใช่ว่ามีอะไรก็ใส่เข้าไปในรถหมดทุกอย่าง เพราะเมื่อรถมีน้ำหนักบรรทุกมากแรงที่เครื่องต้องใช้เพื่อขับเคลื่อนรถยนต์ไปข้างหน้าก็จะเพิ่มมากขึ้นตามมาด้วยจนส่งผลให้เกิดความร้อนสูงตามมา และเหตุผลสำคัญอีกประการหนึ่งที่ไม่ควรนำสัมภาระที่ไม่จำเป็นใส่บรรทุกในรถคือเมื่อเครื่องยนต

การทำขิงดองสามรส

ขิงดองสามรสมีส่วนผสมและวิธีทำดังต่อไปนี้ ส่วนผสม ขิงอ่อนหั่นบางๆ 2 ถ้วย น้ำมะนาว ½ ถ้วย น้ำส้มสายชู 1 ½ ถ้วย น้ำตาลทรายขาว 2 ถ้วย น้ำ 1/3 ถ้วย เกลือ 2 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ นำขิงอ่อนสดมาปอกเปลือก หั่นเป็นชิ้นบางๆตามยาว รินน้ำมะนาวและเกลือป่นใส่คลุกเคล้ากันแล้วคั้นเอาน้ำขิงรสเผ็ดและขื่นออกไป เสร็จแล้วจะได้ขิงสีชมพูอ่อนสวย ไม่มีรสขื่น แล้วผึ่งขิงไว้ให้แห้ง ตั้งหม้อเคลือบหรือกระทะทองเหลืองบนไฟอ่อนๆ เติมน้ำตาลทรายขาว น้ำส้มสายชู เกลือ 2 ช้อนโต๊ะ และน้ำต้มจนละลายเข้ากัน แล้วกรองด้วยผ้าขาวบางทิ้งไว้ให้เย็นแล้วเทใส่ขวดโหลที่ต้มฆ่าเชื้อโรคแล้วให้ท่วมขิง แล้วปิดฝาทิ้งไว้ในห้องจนครบ 1 – 2 สัปดาห์ก็เอาออกมารับประทานได้ หากน้ำดองมีสีขาวขุ่นแสดงว่าความเข้มข้นไม่พอ ให้แก้โดยเทน้ำดองออกมาต้มฆ่าเชื้อพร้อมกับเติมน้ำส้ม น้ำตาล หรือเกลือตามที่คิดว่าพร่องไป หากเก็บไว้ในตู้เย็นจะไว้ได้นานขึ้น มีรสหวาน เปรี้ยว และเผ็ดเล็กน้อยนำมารับประทานกับข้าวต้มกุ๊ยหรือข้าวมันไก่ และยังเป็นเครื่องชูรส เครื่องเคียงอาหารอื่นๆอีกหลายอย่างได้ด้วย เคล็ดลับถัดไป วิธีช่วยยืดอายุเครื่องยนต์และประหยัดน้ำม

การทำกิมจิ

กิมจิมมีส่วนผสมและวิธีทำดังต่อไปนี้ ส่วนผสม กะหล่ำปลีหั่นฝอย 2 ถ้วย ผักกาดขาวปลี 1 ถ้วย พริกเหลืองหรือแดง ½ ถ้วย น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น 3 ช้อนชา กระเทียม 2 หัว ขิงแก่ 1 ช้อนโต๊ะ วิธีทำ ก่อนอื่นให้นำผักมาล้างให้สะอาดและให้ตัดส่วนหัวของผักกาดขาวทิ้งไปแต่เก็บแกนในเอาไว้เพื่อให้ผักกาดขาวเป็นรูปทรง ส่วนกะหล่ำปลีให้หั่นเป็นฝอย แล้วปอกกระเทียม หั่นขิงแก่สด หั่นพริกสด แล้วนำเครื่องปรุงทั้งหมดโขลกเข้าด้วยกันเสร็จแล้วนำมาคลุกกับผักที่หั่นแล้วให้ผสมเข้ากันได้ดี แล้วนำไปอัดใส่ในหม้อเคลือบมีฝาปิดหรือใส่ในขวดโหลแก้วมีฝาปิด เก็บไว้ในห้อง 4 วันก็จะมีน้ำผักออกมาเกิดกรดแล็คติกซึ่งทำให้เปรี้ยว เอากิมจิมารับประทานได้จะได้รสเผ็ดเปรี้ยวมีรสชาติของเครื่องเทศ หอมกลิ่นเครื่องเทศ กิมจินิยมรับประทานกับข้าวต้ม เนื้อสัตว์ที่ ต้ม ย่าง หรือทอด เคล็ดลับถัดไป การทำขิงดองสามรส เคล็ดลับก่อนหน้า การช่วยเหลือผู้ป่วยช็อกหมดสติ

การช่วยเหลือผู้ป่วยช็อก หมดสติ

ผู้ป่วยหมดสติหรือช็อก เพราะว่าอวัยวะหลายแห่งในร่างกายขาดเลือดไปเลี้ยง ทำให้มีออกซิเจนไม่เพียงพอ จนทำให้ชีพจรเต้นเร็วผิวสีซีดลงรวมทั้งริมฝีปากและสีของเล็บก็ซีดด้วย มีเหงื่อออกมาก ตัวเย็น เวียนหัว คลื่นไส้ อาเจียน ไม่รู้สึกตัวและในที่สุดหัวใจก็หยุดเต้น ซึ่งมีสาเหตุมาจากหลายอย่างด้วยกันอันได้แก่ 1 ส่วนมากเกิดจากหัวใจทำงานล้มเหลว เช่น โรคหัวใจตีบ โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคกล้ามเนื้อหัวใจหนาผิดปกติ ภาวะหัวใจเต้นเร็วหรือช้าผิดปกติ รวมทั้งการอุดกั้นทางเดินหายใจ 2 การเสียเลือดมากก็เป็นอีกสาเหตุสำคัญ ในผู้ใหญ่หากเสียเลือดถึง 1 ลิตร นับว่าอยู่ในขั้นอันตราย และหากเสียเลือดถึง 2 ลิตรซึ่งเป็นปริมาณเกือบครึ่งหนึ่งของเลือดทั้งหมดในร่างกาย จะทำให้ช็อกได้เร็วมากจนหัวใจล้มเหลว จับชีพจรที่มือไม่ได้ 3 สาเหตุมาจากสมอง เช่น ภาวะหลอดเลือดสมองตีบตันหรืออุดตัน ปวดศีรษะ ไมเกรน โรคลมชัก 4 และอาจมาจากสาเหตุอื่นๆได้เช่นกัน เช่น ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ หอบเหนื่อย เครียด แอลกอฮอล์ ยาขยายหลอดเลือด ภาวะขาดน้ำ ระบบประสาทอัตโนมัติทำงานไวผิดปกติ การแพ้ยาฉีด แพ้พิษสัตว์ พิษแมลง เป็นต้น หากเป็นการช็อกจาก