บทความ

กำลังแสดงโพสต์จาก สิงหาคม, 2014

วิธีแก้ขวดน้ำมีกลิ่นเหม็น

ขวดน้ำเป็นอุปกรณ์ชนิดหนึ่งที่ทุกบ้านจะมีไว้เพื่อใส่น้ำเตรียมไว้ดื่ม บางท่านใส่น้ำในขวดแล้วนำขวดน้ำไปแช่ตู้เย็นไว้ เพื่อจะได้ดื่มน้ำเย็นๆให้ชื่นใจเวลากลับมาจากไหนๆตอนอากาศร้อนๆหรือใส่น้ำในขวดแช่ไว้ในตู้เย็นเพื่อเตรียมให้แขกที่มาบ้านดื่มก็เป็นได้ แต่หากวันดีคืนดีขวดน้ำที่ใส่น้ำดื่มเกิดมีกลิ่นเหม็นขึ้นภายในขวด การจะล้างขวดก็ทำได้ลำบากเพราะไม่สามารถใช้มือเข้าไปขัดถูได้สะดวกเหมือนการล้างภาชนะอื่นๆ หรือหากท่านไม่มีแปรงล้างขวดก็สามารถใช้วิธีอื่นล้างขวดให้สะอาดแทนการใช้แปรงล้างขวดด้ามยาวๆได้ครับ วิธีแก้ปัญหาขวดมีกลิ่นเหม็นที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ก็คือให้ท่านเอาน้ำใส่เข้าไปในขวดสักประมาณครึ่งขวด เสร็จแล้วให้เติมเกลือลงไปสักประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ จากนั้นก็ให้เขย่าขวดแรงๆจนเกลือละลายหลังจากนั้นให้ตั้งทิ้งไว้สักประมาณ 5 นาที เสร็จแล้วจึงเทน้ำเกลือทิ้งแล้วล้างเขย่าขวดด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งท่านจะพบว่าขวดจะใสมากขึ้นและกลิ่นเหม็นก็หายไปด้วย ครับ เคล็ดลับถัดไป วิธีป้องกันและรักษาสิวบนแผ่นหลัง บทความก่อนหน้า กลิ่นเผ็ดคาวติดครกจะแก้อย่างไร?

กลิ่นเผ็ดคาวติดครกจะแก้อย่างไร?

กลิ่นเผ็ดคาวติดครกเกิดหลังจากที่ท่านตำเครื่องแกงและพริกแกงเสร็จแล้วซึ่งล้างเท่าไหร่ก็ไม่ออกหรือไม่หมดไปสักที กลิ่นเผ็ดที่ติดอยู่ก็เกิดจากพริกที่นำมาตำโดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นพริกสดจะมีกลิ่นเผ็ดหืนๆอย่างรุนแรงติดอยู่ แม้แต่พริกแห้งก็เถอะก็ส่งกลิ่นไม่แพ้กัน ส่วนกลิ่นคาวมีสาเหตุมาจากกะปิที่ใส่ผสมลงไปตอนตำน้ำพริกหรือตำเครื่องแกงนั่นเองหรือบางท่านอาจใส่ปลาร้าลงไปตำด้วยก็ยิ่งทำให้ครกส่งกลิ่นคาวและล้างยากเข้าไปใหญ่จะไม่ใส่ก็ไม่ได้เพราะบางคนชอบรับประทานเป็นชีวิตจิตใจแบบใครเอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอมกันเลยทีเดียว และยิ่งเป็นการตำเครื่องแกงแม้ไม่มีปลาร้าแต่กะปิก็ถือว่าเป็นสิ่งขาดไม่ได้เพราะถือเป็นส่วนผสมอย่างหนึ่งของเครื่องแกง ลำพังใช้ครกตำเครื่องแกงอย่างเดียวก็ไม่เท่าไหร่หรอกแต่หากจะนำครกไปตำอย่างอื่นด้วยกลิ่นเผ็ดคาวดังกล่าวก็จะติดอาหารอย่างอื่นไปด้วย แต่กลิ่นที่ว่าสามารถแก้ได้ครับ วิธีแก้กลิ่นเผ็ดคาวติดครกก็คือให้ท่านเอาข้าวสารสักครึ่งกำมือ ใส่ลงไปในครกแล้วเติมน้ำอีกนิดเสร็จแล้วให้ตำข้าวสารให้ละเอียดพร้อมทั้งเกลี่ยข้าวสารให้ทั่วครกเสร็จแล้วล้างออกกลิ่นเผ็ดคาวก็จะหมดไปเองครับ เคล็ดลับถัดไป

วิธีทำน้ำหมักชีวภาพเพื่อใช้บำบัดน้ำเสียในบ่อเลี้ยงปลา

น้ำหมักชีวภาพมีประโยชน์ต่อเกษตรกรมากเพราะไม่เพียงแต่สามารถใช้บำบัดน้ำเสียในบ่อเลี้ยงปลาและสัตว์น้ำเท่านั้นแต่ยังใช้ประโยชน์ในการเกษตรด้านอื่นๆได้ด้วย และไม่ว่าท่านจะทำการเกษตรรูปแบบไหนน้ำหมักชีวภาพก็สามารถช่วยได้หลากหลาย เช่น ช่วยในการปรับปรุงคุณภาพดิน เป็นปุ๋ยให้ต้นไม้หรือพืชอื่นๆก็ได้ ที่สำคัญที่จะกล่าวในที่นี้คือช่วยบำบัดน้ำเสียในบ่อปลาและป้องกันปลาเป็นโรคต่างๆได้ดียิ่ง  และหากท่านสามารถผลิตน้ำหมักขึ้นมาใช้เองได้ก็จะช่วยลดต้นทุนการผลิตลงได้มากทีเดียว เกษตรกรสามารถทำน้ำหมักชีวภาพใช้เองได้โดยเฉพาะเกษตรกรที่เลี้ยงปลาในบ่อดินท่านสามารถทำน้ำหมักชีวภาพด้วยสูตรต่อไปนี้ครับ ส่วนผสม กล้วยสุก 25 กิโลกรัม สับปะรด 25 กิโลกรัม กากน้ำตาล 10 ลิตร น้ำสะอาด 10 ลิตร ถังใช้หมักที่ไม่ใช่โลหะ 1  ถัง วิธีทำน้ำหมักชีวภาพ 1 สับกล้วยและสับปะรดให้เป็นชิ้นเล็กๆเสร็จแล้วนำไปใส่ในถังหมัก 2 เติมกากน้ำตาลกับน้ำลงไปในถังหมักแล้วคนให้เข้ากันแล้วปิดฝาให้สนิทนำไปวางในที่ร่ม 3 ให้คนส่วนผสมในถังหมักดังกล่าวประมาณ 10 วันต่อครั้ง ทำอย่างนี้สักประมาณ 45 วันก็สามารถนำน้ำหมักชีวภาพไปใช้ได้แ

สมุนไพรรักษาโรคเบาหวานตอนที่ 1

ส่วนผสม รังผึ้ง 1 รัง(เอาทั้งรังพร้อมทั้งตัวอ่อน) เหล้า 1 ขวด หัวกระชาย 12 หัว เปลือกตะโกนา 3 เปลือก (ต้นตะโกดัดสดหรือแห้งก็ได้) ต้นเหงือกปลาหมอ 6 ถ้วยชาจีน พริกไทยล่อน 3 ถ้วยชาจีน น้ำผึ้งแท้ วิธีทำและวิธีรับประทาน ให้เอาส่วนผสมสี่อย่างแรกมาดองรวมกันโดยเอารังผึ้งมาใส่ในขวดโหลเทเหล้าลงผสมพอท่วมรังผึ้ง แล้วใส่หัวกระชายตามไป หัวกระชายที่จะใส่ให้ปอกเปลือกและทุบให้แตกก่อนเสร็จแล้วใส่เปลือกตะโกนาลงไปหลังจากนั้นให้ดองไว้สัก 3 วันพอได้ที่แล้วให้นำมาดื่มวันละ 2 ครั้งก่อนอาหารเช้าและเย็นโดยดื่มครั้งละ 1 ถ้วยชาจีนให้ดื่มอย่างนี้ติดต่อกันจนครบ 1 เดือน แล้วให้เอาต้นเหงือกปลาหมอ (ใช้ทั้งต้นจนถึงราก) มาสักพอประมาณแล้วนำมาล้างน้ำให้สะอาด เสร็จแล้วให้หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ นำไปตากแดดให้แห้งแล้วนำมาบดเป็นผงให้ได้จำนวน 6  ถ้วยชาจีน แล้วเอาพริกไทยล่อนสัก 3 ถ้วยชาจีนบดให้ละเอียดผสมรวมกับน้ำผึ้งแท้เมื่อผสมรวมกันเสร็จสรรพให้ปั้นเป็นลูกกลอนขนาดเท่าเมล็ดพุทราให้ได้สัก 108 เม็ดแล้วกินครั้งละ 1 เม็ดก่อนอาหารเช้าและเย็นให้กินติดต่อกันอย่างนี้ทุกวันจนครบ 54 วัน สรรพคุณ ช่วยแก้โรคเบาหวาน

การรับประทานอาหารกระป๋องอย่างถูกวิธี

คิดว่าทุกคนคงจะรู้จักและคุ้นเคยกับอาหารกระป๋องเป็นอย่างดีและเชื่อแน่ว่าทุกคนเคยรับประทานอาหารกระป๋องกันมาบ้างแล้วไม่มากก็น้อย เนื่องจากอาหารกระป๋องมีมากมายหลายชนิด สาเหตุที่ทางโรงงานผู้ผลิตผลิตอาหารกระป๋องออกมาก็เพราะสะดวกต่อผู้บริโภคและสามารถเก็บไว้ได้นานเป็นปีๆทีเดียวอีกอย่างพกพาไปรับประทานที่ไหนก็สะดวกสบายไม่เลอะเทอะเปรอะเปื้อนภาชนะ นอกจากนี้อาการกระป๋องมีมากมายหลากหลายชนิด มีทั้งอาหารคาว อย่างปลากระป๋อง หอยทอดกระป๋อง ปลาร้ากระป๋อง ส่วนอาหารกระป๋องที่เป็นของหวานหรืออาหารว่างก็มีมากมายเช่น เงาะกระป๋อง ลิ้นจี่กระป๋อง ซุปข้าวโพดกระป๋อง เป็นต้น อาหารกระป๋องถือได้ว่าเป็นวิธีการถนอมอาหารโดยใช้เทคโนโลยีชนิดหนึ่งที่สามารถเก็บอาหารไว้ได้นานกว่าการถนอมอาหารในรูปแบบปกติทั่วไป แต่อาการกระป๋องที่บรรจุอยู่ในกระป๋องนานๆนั้นเมื่อจะรับประทานควรนำมาอุ่นบนเตาไฟหรือตู้อบเสียก่อนถึงจะดี ส่วนวิธีอุ่นก็ควรเทอาหารกระป๋องใส่ภาชนะหุงต้ม เช่น หม้อ กระทะ หากอุ่นในเตาอบก็ให้ใช้ภาชนะสำหรับเตาอบแต่อย่าอุ่นทั้งกระป๋องเพราะเมื่อกระป๋องโดนความร้อนสารตะกั่วจากกระป๋องที่บรรจุอาหารอยู่จะละลายและผสมกับอาหารเมื่อรั

การใช้ประโยชน์จากเศษชิ้นส่วนของไก่และเป็ด

สำหรับท่านที่ชอบรับประทานเนื้อเป็ด เนื้อไก่ และโดยเฉพาะหากท่านเป็นคนชำแหละเนื้อสัตว์ดังกล่าวด้วยตัวเอง และหากเป็นไก่เนื้อท่านอาจจะเลาะเพียงเนื้อออกมาทำอาหารรับประทานและจะเหลือส่วนที่เป็นโครงกระดูกหรือส่วนคอและเครื่องในบางอย่าง ผู้เขียนอยากจะบอกว่า เศษชิ้นส่วนของไก่หรือเป็ดเหล่านี้มีประโยชน์ครับอย่าทิ้งไปเปล่าๆ แต่ให้ท่านเก็บสะสมไว้โดยแช่เก็บไว้ในช่องแช่แข็งเมื่อได้ปริมาณมากพอสมควรก็ให้เอามาทำโครงไก่ชุบแป้งทอดหรือคลุกกับเครื่องเทศแล้วนำไปทอดก็อร่อยไม่แพ้กัน สำหรับท่านที่ไม่ชอบทานอาหารประเภททอดก็ให้นำเศษชิ้นส่วนเหล่านั้นมาต้มทำเป็นน้ำสต็อคหรือน้ำซุป ก็อร่อยและมีประโยชน์อีกด้วยครับ นอกจากนี้ท่านยังนำน้ำซุปดังกล่าวไปปรุงร่วมกับอาหารชนิดอื่นได้อีกด้วย เช่นใช้ทำแกงเลียงผักต่างๆ หรือนำมาเติมใส่ในอาหารประเภทผัดเพื่อเพิ่มรสชาติก็ได้ หากน้ำซุปดังกล่าวเหลือเยอะก็ให้เก็บไว้ในช่องแช่แข็งต่อพอจะทำอาหารหรือเมื่อต้องการใช้น้ำซุปครั้งต่อไปก็แค่นำออกมาอุ่นให้ละลายก็ใช้ปรุงอาหารหรือรับประทานเป็นน้ำซุปได้อีกเหมือนเดิมครับ เคล็ดลับถัดไป การรับประทานอาหารกระป๋องอย่างถูกวิธี เคล็ดลับก่อนหน้า ฝา

ฝาขวดปิดแน่นทำอย่างไรให้เปิดออก

บทความฝาขวดปิดแน่นทำอย่างไรให้เปิดออกกล่าวถึงวิธีเปิดฝาขวดที่ถูกปิดไว้แน่น และปกติไม่สามารถเปิดออกได้หรือเปิดออกได้ยาก หรือในกรณีที่มือลื่นไม่อาจเปิดฝาขวดได้ ฝาขวดส่วนมากจะเป็นแบบเกลียวที่หมุนปิดเอาไว้พอจะเปิดก็ต้องหมุนเปิดเพื่อให้ฝาขวดหลุดออกจากขวด ฝาขวดลักษณะนี้บางทีก็เปิดยากซึ่งอาจเป็นเพราะมีคราบของสิ่งที่อยู่ในขวดหรือคราบผลิตภัณฑ์ที่อยู่ในขวดติดอยู่ตามเกลียวขวดหลังจากการเปิดใช้ในครั้งก่อน หรือบางทีอาจเป็นไปได้ว่าที่เปิดยากนั้นเพราะขวดนั้นยังใหม่อยู่หรือเพิ่งซื้อมาและจะเปิดใช้เป็นครั้งแรก จึงอาจทำให้เปิดยากอยู่พอสมควร เช่น ฝาขวดซอสชนิดต่างๆ เป็นต้น หากท่านพยายามเปิดเท่าไหร่ก็เปิดไม่ออกสักทีวิธีแก้ก็คือให้ท่านนำกระดาษทรายหรือผ้าหยาบๆ มาหุ้มหรือห่อฝาขวดให้แน่น โดยให้ด้านที่เป็นผิวทรายหยาบๆอยู่ด้านในสัมผัสกับฝาขวดแล้วให้จับฝาขวดไว้ให้แน่นเสร็จแล้วหมุนเปิดฝาขวดออกตามปกติท่านจะพบว่าสามารถเปิดฝาขวดออกมาได้อย่างง่ายดายครับ เคล็ดลับถัดไป การใช้ประโยชน์จากเศษชิ้นส่วนของไก่และเป็ด บทความก่อนหน้า วิธีขจัดคราบหินปูนที่เกาะในกาต้มน้ำ

วิธีขจัดคราบหินปูนที่เกาะในกาต้มน้ำ

แม้หลายครัวเรือนจะ ใช้ หม้อต้มน้ำแทนกาต้มน้ำ แต่การใช้กาต้มน้ำก็ยังเป็นที่นิยมอยู่ เพราะสะดวกในการรินน้ำออกจากกาไม่ลำบากเหมือนการเทน้ำออกจากหม้อ และอีกอย่างกาต้มน้ำมีหูจับที่จับถนัดมือกว่าและสามารถจับได้ด้วยมือข้างเดียวไม่เหมือนหม้อต้มน้ำที่ต้องจับสองมือ นอกจากนี้กาต้มน้ำยังใช้งานได้สะดวกกว่าในการต้มน้ำหรือชงชาเพราะสามารถยกการินน้ำใส่ภาชนะหรือแก้วได้ง่ายกว่าหม้อ จึงมีการนิยมใช้กาต้มน้ำอย่างแพร่หลายโดยเฉพาะตามร้านน้ำชาหรือร้านขายเครื่องดื่มร้อนๆอย่างชา กาแฟทั่วไป แต่กาที่ใช้ต้มน้ำร้อนหรือต้มน้ำชาเมื่อใช้ไปนานๆอาจพบว่ามีหินปูนเกาะอยู่ด้านในของกาซึ่งดูแล้วไม่สะอาดและทำให้น้ำต้มหรือชาที่ต้มในกาดังกล่าวไม่ชวนดื่มและที่สำคัญหินปูนดังกล่าวขัดออกยากมากด้วย หลายคนอาจสงสัยว่า ทำอย่างไรถึงจะขจัดคราบหินปูนที่เกาะในกาต้มน้ำได้ วิธีขจัดคราบหินปูนที่เกาะในกาต้มน้ำให้สะอาดหมดจดจนเหมือนได้กาต้มน้ำใบใหม่ก็คือให้ท่านเทน้ำส้มสายชู 1 ถ้วย ลงไปในกาต้มน้ำและให้เติมน้ำจนถึงระดับคอของกาต้มน้ำแล้วนำไปต้มให้เดือดสักประมาณ 15 นาทีเสร็จแล้วเปิดฝากาปล่อยให้เดือดต่อไปอีก 5 นาทีจึงนำมาขัดให้สะอาด ท่านจะพบว่าครา

เคล็ดลับวิธีค้นหาเพื่อนเก่าในเฟสบุคหรือสื่ออินเตอร์เน็ตต่างๆ

เคล็ดลับวิธีค้นหาเพื่อนเก่าในเฟสบุคหรือสื่ออินเตอร์เน็ตต่างๆ กล่าวถึงการค้นหาบุคคลที่เรารู้จักโดยการพิมพ์ชื่อบุคคลลงไปในช่องค้นหา เคล็ดลับที่จะกล่าวถึงไม่เพียงแต่สามารถค้นหาเพื่อนเก่าในโซเชียลมีเดียยอดนิยมอย่างเฟสบุคเท่านั้นแต่ท่านสามารถใช้วิธีที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ค้นหาเพื่อนทางสื่อออนไลน์อื่นๆได้ผลดีอีกด้วยไม่ว่าจะเป็นเซิร์จเอ็นจินเจ้าใหญ่อย่างกูเกิ้ล ยะฮู และอื่นๆอีกมากมาย หากท่านอยากติดต่อเพื่อนเก่า แฟนเก่า หรือคนสนิทที่ไม่เจอกันมาหลายปี หรือไม่ว่าใครก็ตามที่ต้องการค้นหา หากการค้นหาบุคคลดังกล่าวของท่านที่ผ่านมาค้นหาเท่าไหร่ก็ไม่เคยเจอสักที พิมพ์ชื่อภาษาไทยในช่องค้นหาก็แล้ว พิมพ์ชื่อภาษาอังกฤษก็แล้วแต่ผลลัพธ์ที่ได้กลับมาว่างเปล่า ลองใช้วิธีการค้นหาที่จะกล่าวถึงต่อไปนี้ดูครับแล้วท่านจะเจอเพื่อนเก่าได้ง่ายขึ้นหรือมีโอกาสเจอเพิ่มขึ้นสูงมากทีเดียว ลองมาดูกันครับว่า จะค้นหาเพื่อนเก่าในเฟสบุคหรือสื่ออินเตอร์เน็ตต่างๆให้เจอง่ายๆได้อย่างไร วิธีการก็คือให้ท่านพิมพ์นามสกุลเพื่อนของท่านลงไปในช่องค้นหาครับอย่าพิมพ์ชื่อลงไป เพราะเมื่อพิมพ์นามสกุลลงไปถึงแม้ไม่พบเพื่อนคนที่ท่านต้องการค้นหาแต่

วิธีป้องกันและบำบัดอาการปวดหัวทั่วไป

ก่อนอื่นต้องรู้ก่อนว่าอาการปวดหัวที่เป็นอยู่เป็นอาการปวดหัวธรรมดาทั่วไปซึ่งเกิดขึ้นได้ง่ายมาก เช่น จากการนอนพักผ่อนไม่เพียงพอบ้าง  จากความเครียดบ้าง หรือปวดหัวเพราะอาการของโรคที่ร้ายแรง ซึ่งพอจะรู้ได้ตามลักษณะของการปวดดังต่อไปนี้ 1 หากท่านรู้สึกปวดหัวแปล๊บๆ ช่วงสั้นๆโดยปวดกระจายไปทั้งศีรษะ คล้ายถูกไฟช็อตหรือเหมือนถูกอะไรมาแทงหรือคล้ายถูกน้ำแข็งทาบ อาการปวดแบบนี้ไม่ได้เกิดจากโรคร้ายแรงเพราะเป็นอาการปวดหัวโดยปกติธรรมดาทั่วไป 2 หากท่านรู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรงจนไม่สามารถทำงานหรือทำอะไรได้เลย อาการปวดแบบนี้ที่พบมากที่สุดมีสาเหตุมาจากโรคไมเกรน และเยื่อหุ้มสมองอักเสบหรือเลือดออกใต้ชั้นเยื่อหุ้มสมอง 3 หากท่านเริ่มรู้สึกปวดหัวและค่อยๆปวดมากขึ้นเรื่อยๆจนปวดมากขึ้นทุกทีอันนี้ก็เป็นอาการปวดไมเกรนซึ่งบางทีอาจปวดทั้งวันหรือเป็นอาทิตย์เลยก็มี เมื่อรู้แล้วว่าอาการปวดเป็นแบบไหนและมีสาเหตุมาจากอะไรก็ทำให้ง่ายขึ้นในการบำบัดรักษาและทำให้คลายความกังวลไปได้ส่วนหนึ่ง เพราะหากเป็นการปวดหัวที่ไม่ได้มีสาเหตุมาจากโรคร้ายก็สามารถบำบัดรักษาด้วยตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งยาหรือไปหาหมอให้สิ้นเปลืองเง

วิธีดัดแปลงผลไม้ที่เหลือไว้รับประทานได้นานๆ

ผลไม้มีมากมายหลายชนิดทุกชนิดก็ล้วนแล้วแต่มีประโยชน์มีวิตามินที่ให้คุณค่าแก่ร่างกายแตกต่างกันไป และยิ่งในเขตร้อนชื้นอย่างประเทศไทยบ้านเราแล้ว เรามีผลไม้มากมายให้รับประทานกันตลอดปี เช่นพอเข้าหน้าร้อนก็มีมะม่วง เลยหน้าร้อนไปหน่อยเข้าหน้าฝนเราก็มีเงาะ ทุเรียน มังคุด ลองกอง ลำไย กล้วย หมดหน้าฝนเข้าหน้าหนาวก็มีลิ้นจี่ นอกจากนี้ผลไม้บางชนิดมีให้รับประทานกันตลอดปี เช่น กล้วยเป็นต้น จากการที่บ้านเรามีผลไม้ให้เลือกรับประทานเยอะแยะมากมายดังกล่าวทำให้บางทีผลไม้ต่างๆที่กล่าวมาเสียไปก็เยอะเพราะรับประทานไม่ทัน พอทิ้งไว้นานๆก็ทำให้ผลไม้เหล่านั้นเน่าเปื่อยไปโดยเปล่าประโยชน์ซึ่งน่าเสียดายมาก ฉะนั้นวันนี้ผู้เขียนจึงอยากนำเสนอวิธีดัดแปลงผลไม้ที่เหลือไว้รับประทานได้นานๆโดยไม่ต้องปล่อยให้ผลไม้เหล่านั้นเน่าเสียไปจนต้องทิ้งไปอย่างน่าเสียดาย วิธีที่ว่าคือให้ท่านนำผลไม้ที่เหลือไม่ว่าผลไม้อะไรก็ตามมาดัดแปลงทำเป็นไอศกรีมผลไม้เสียเลยซึ่งวิธีทำง่ายมากและไม่ยุ่งยากอะไรแม้แต่น้อย แค่ท่านนำผลไม้ดังกล่าวไปใส่ในช่องแช่แข็งในตู้เย็นโดยปอกเปลือกผลไม้ออกเสียก่อนและหากเป็นผลไม้ที่มีเมล็ดหรือเม็ดอยู่ข้างในก็ให้คว้านหร

การซักเสื้อผ้าด้วยมืออย่างถูกวิธีเพื่อไม่ให้ผ้าเก่าเร็ว

แม้ในปัจจุบันจะมีเครื่องซักผ้าใช้กันเกือบทุกครัวเรือนแล้วแต่บางทีบางครั้งการซักผ้าด้วยมือก็ยังจำเป็นอยู่ เพราะเสื้อผ้าบางชนิดอาจไม่เหมาะกับซักเครื่องหรือพ่อบ้านแม่บ้านอยากซักด้วยมือบ้างเพื่อต้องการประหยัดไฟ อย่างเช่นในกรณีที่ซักไม่กี่ตัว ก็อาจจะซักด้วยมือสะดวกกว่าและไม่ถึงกับงานหนักมากและประหยัดค่าไฟได้พอสมควรหากเป็นการซักหลายๆครั้ง แต่เมื่อซักผ้าด้วยมือหลายคนอาจเข้าใจผิดว่าต้องแช่ผ้าไว้นานๆและบางทีหลายท่านจะใช้แปลงซักผ้าโดยถูผ้าเสียแรงเกินไปจนทำให้ผ้าสีซีดเร็ว ความจริงแค่ถูขยี้ด้วยมือผ้าก็สะอาดแล้ว ดังนั้นวันนี้มาดู การซักผ้าด้วยมืออย่างถูกวิธีว่าควรทำอย่างไร กันครับ ขั้นตอนง่ายๆก็คือให้ท่านแช่ผ้ากับผงซักฟอกไว้สักประมาณ 5 นาทีก็พอแล้วครับ เพราะหากแช่ไว้นานผงซักฟอกจะกัดเสื้อผ้าและส่งผลเสียต่อเส้นใยและสีสันของเนื้อผ้าได้ทำให้ผ้าซีดหรือเก่าเร็ว และโดยปกติทั่วๆไปถ้าเป็นเสื้อผ้าผู้ใหญ่ใส่มักจะไม่สกปรกอะไรมากมายเพียงแต่มีคราบเหงื่อเล็กน้อยเท่านั้น แต่หากเป็นเสื้อผ้าที่เด็กใส่หรือที่สกปรกมากก็ให้แช่ไว้สัก 15 นาทีก็พอแล้วครับ เพื่อจะซักเสื้อผ้าได้สะอาดพอดีและทำให้ไม่ซีดหรือเก่าเร็วอีกด้

วิธีลบรอยปากกาลูกลื่นเปื้อนเสื้อผ้า

ปากกาลูกลื่นเป็นอุปกรณ์สำคัญชนิดหนึ่งในการศึกษาเล่าเรียน นักเรียนต่างใช้ปากกาลูกลื่นกันตั้งแต่ชั้นประถมปลายคือตั้งแต่ประถมห้า ประถมหกก็เริ่มใช้ปากกาลูกลื่นในการจดบันทึกหรือเขียนหนังสือกันแล้ว โดยทั่วไปปากกาลูกลื่นมักมีสามสี ได้แก่ สีน้ำเงิน สีแดงและสีดำ แต่ปากกาลูกลื่นที่นักเรียนหรือนักศึกษาใช้กันอยู่เป็นประจำส่วนใหญ่จะเป็นปากกาลูกลื่นสีน้ำเงินกับสีแดงส่วนสีดำไม่ค่อยนิยมใช้กันเท่าไหร่ และไม่แต่เฉพาะนักศึกษาเท่านั้นที่ใช้ปากกาแต่บุคคลทั่วไปที่ประกอบอาชีพต่างๆก็ใช้ปากกาในการทำงานเช่นกัน  ไม่ว่าจะเป็นพนักงานบริษัท พ่อค้าแม่ค้าตามห้างร้านหรือตามสถานที่ต่างๆ และผู้ประกอบอาชีพสาขาอื่นๆอีกมากมายล้วนแล้วแต่ใช้ปากกากันทั้งสิ้น และปากกาส่วนใหญ่ที่ใช้ก็จะเป็นปากกาลูกลื่นเนื่องจากหาซื้อได้ง่าย ใช้งานง่ายและราคาประหยัดอีกด้วย ความที่มีการใช้ปากกาลูกลื่นกันหลากหลายบางทีขณะที่เราใช้งานเขียนนู่นนี่อยู่ปากกามักตวัดไปโดนเสื้อผ้าที่ใส่จึงทำให้เสื้อผ้าเปื้อนรอยหมึกจากปากกาอยู่บ่อยๆ เสื้อผ้าที่เปื้อนหมึกจากปากกาลูกลื่นนี้ซักธรรมดารอยปากกาไม่ค่อยออกหรือไม่หายไปดังนั้น จะทำอย่างไรเพื่อลบรอยเปื้อนหมึกจา

ทำอย่างไรไม่ให้ลูกแย่งของเล่นกัน

ขึ้นชื่อว่าเด็กอย่างไรก็เป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ กล่าวคือมักจะเอาแต่ความต้องการตัวเองเป็นใหญ่เสมอเช่นถ้าอยากได้หรือต้องการอะไรก็จะเอาให้ได้ และหากในครอบครัวที่มีลูกมากกว่าหนึ่งคนเด็กมักจะทะเลาะแย่งของกันเสมอ พ่อแม่ห้ามและอธิบายอย่างไรก็ไม่ค่อยฟัง ทำให้พ่อแม่ต้องเป็นผู้ตัดสินไกล่เกลี่ยอยู่เป็นประจำ นับว่าเป็นเรื่องยุ่งพอสมควรเหมือนกันสำหรับพ่อแม่ที่ต้องหาวิธีว่า ทำอย่างไรจึงจะทำให้พี่น้องหรือลูกๆสามัคคีกันได้ สาเหตุที่ลูกมักแย่งของกันบางทีเป็นเพราะบางครั้งพ่อแม่ก็ปฏิบัติต่อลูกไม่ถูกนัก เช่นให้ของน้องก่อนพี่บ้างหรือทำบางอย่างให้น้องก่อนทำให้พี่ จึงทำให้อีกฝ่ายน้อยใจ ลูกก็จะมีความรู้สึกและเก็บไปคิดว่าพ่อแม่รักน้องมากกว่าจึงให้ของน้องก่อนทุกครั้ง ดังนั้น วิธีแก้ปัญหาลูกๆแย่งของกัน ก็คือพ่อแม่ควรเตรียมของไว้เท่าๆกับจำนวนลูกๆและให้พร้อมๆกัน และของที่ให้อาจไม่เหมือนกันก็ได้แต่ให้พร้อมๆกัน และควรให้ตามความจำเป็นที่จะไปใช้หรือไปเล่นไม่ควรให้และตามใจลูกมากเกินไป เด็กๆส่วนมากเมื่อได้รับของพร้อมกันแล้วก็จะรู้สึกว่าพ่อแม่รักตนไม่ลำเอียงรักใครมากกว่ากัน เคล็ดลับถัดไป วิธีลบรอยปากกาลูกลื่นเป

วิธีกำจัดกลิ่นคาวติดเขียง

เขียงก็เป็นอุปกรณ์ประจำครัวที่จำเป็นอีกอันหนึ่งซึ่งขาดไม่ได้เพราะต้องใช้เป็นที่รองหั่นผัก ผลไม้ อีกทั้งปลาและเนื้อสัตว์อื่นๆ โดยทั่วไปเขียงมักทำจากไม้แต่ในปัจจุบันมีอุปกรณ์ที่มีลักษณะคล้ายกับเขียงแต่บางและเบากว่าซึ่งทำด้วยพลาสติกหรือเรียกว่าเขียงพลาสติกนั่นเองแต่เขียงที่ทำจากไม้น่าจะใช้ปลอดภัยกว่าเขียงที่ทำจากพลาสติกเพราะเขียงไม้มักทำมาจากไม้ที่ผลของมันรับประทานได้ เช่นไม้มะขามดังนั้นเวลาหั่นอาหารต่างๆหากเนื้อไม้หลุดติดมาปะปนกับอาหารบ้างก็ไม่เป็นไรเพราะไม้ไม่มีพิษไม่เหมือนพลาสติกที่ต้องหั่นค่อยๆไม่ให้มีดกินเนื้อพลาสติกติดมาปะปนกับอาหารด้วย หากใช้เขียงไม้หลังจากใช้เขียงหั่นอาหารต่างๆแล้วโดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกปลาและเนื้อสัตว์อื่นๆมักจะมีกลิ่นคาวติดอยู่ที่เขียงจนกระทั่งซึมเข้าถึงเนื้อไม้และที่สำคัญล้างทำความสะอาดและกำจัดกลิ่นดังกล่าวได้ยาก เพราะแม้จะล้างเขียงสะอาดแล้วแต่กลิ่นคาวยังอยู่ ถ้าอย่างนั้น จะกำจัดกลิ่นคาวที่ติดเขียงอย่างไรดี คำตอบมีไม่ยากครับ ให้ท่านใช้เปลือกมะนาวถูบริเวณด้านหน้าเขียงที่หั่นอาหารโดยถูกไปมาให้ทั่วเสร็จแล้วนำไปล้างน้ำสะอาดอีกทีเพียงเท่านี้เขียงก็สะอาดปราศจากก

กล้วยสุกงอมหมดแล้วจะทำอย่างไรดี

กล้วยเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์มีวิตามินที่จำเป็นต่อร่างกายและช่วยในการขับถ่ายได้ดีอีกด้วย เช่น ช่วยแก้อาการท้องผูกได้ดีกล้วยมีมากมายหลายชนิด เช่น กล้วยหอม กล้วยน้ำว้า กล้วยไข่ กล้วยตานี กล้วยเล็บมือนาง กล้วยหักมุก เป็นต้น นอกจากนี้หากรับประทานกล้วยเป็นประจำจะทำให้กระเพาะอาหารและร่างกายโดยรวมแข็งแรงอีกด้วยเพราะกล้วยอุดมไปด้วยเส้นใยหรือไฟเบอร์ วิตามินและแร่ธาตุที่ร่างกายต้องการหลายชนิดทีเดียว เช่น ธาตุเหล็ก ธาตุฟอสฟอรัส ธาตุโพแทสเซียม ธาตุแม็กนีเซียม คาร์โบไฮเดรด โปรตีน วิตามินเอ วิตามินบีหก วิตามินบีสิบสอง และวิตามินซี เป็นต้น แต่หากกล้วยจากสวนท่านเองหรือซื้อมาเยอะเกินไปจนกินไม่หมดหรือเหลือจนสุกงอมถึงขนาดเปลือกเป็นสีดำและเนื้อกล้วยกลายเป็นสีเหลืองเหลวเละหมดแล้วถ้าจะรับประทานก็คงพะอืดพะอมน่าดู แม้กล้วยจะสุกงอมแค่ไหนก็อย่าทิ้งครับเพราะสามารถนำมาแปรรูปหรือดัดแปลงให้รับประทานได้ด้วยวิธีง่ายๆ กล่าวคือให้เอากล้วยที่สุกงอมดังกล่าวมาทำเป็นกล้วยกวน วิธีทำก็คือปอกเปลือกกล้วยออกแล้วนำกล้วยดังกล่าวมากวนอาจใส่น้ำตาลเล็กน้อยหรือไม่ใส่ก็ได้ เพราะกล้วยหวานอยู่แล้ว การกวนให้กวนในน้ำกะทิโดยคนเคี่