Top Tips เคล็ดลับวิธีการเลือกซื้อ เลือกหา และเก็บรักษา อาหาร ข้าวของเครื่องใช้ต่างๆในชีวิตประจำวัน

เตาแก็สเป็นอุปกรณ์ที่ใช้กันอยู่เกือบทุกครัวเรือนแม้ในปัจจุบันนี้มีไฟฟ้าใช้กันทุกทั่วหัวระแหงแล้วก็ตาม แต่เตาแก็สก็ยังคงมีความจำเป็นอยู่เพราะมีการใช้ได้ยืดหยุ่นกว่าไฟฟ้านั่นเอง กล่าวคือเตาแก็สสามารถหรี่ไฟได้ตามต้องการเมื่อต้องการไฟแรงหน่อยก็เปิดให้ไฟเพิ่มขึ้นได้ และหากต้องการให้ไฟน้อยลงก็หรี่ไฟให้ลดลงได้ แต่หากใช้ไม่ระมัดระวังการใช้แก็สหุงต้มก็เป็นสาเหตุให้เกิดอันตรายได้และหากใช้สิ้นเปลือกปล่อยปะละเลยก็ทำให้สิ้นเปลืองได้เช่นกัน ฉะนั้นเคล็ดลับในวันนี้ผู้เขียนจะบอกวิธีใช้แก็สหุงต้มอย่างไรให้ปลอดภัยและประหยัด วิธีใช้แก็สให้ประหยัดและใช้ได้นานก็คือเวลาท่านจะเปิดแก็สเพื่อปรุงอาหารให้เปิดวาล์วที่ถังแก็สพอประมาณ คือเปิดแค่พอบิดแล้วหลวมหลุดออกมาไม่ตึงมือก็พอแล้ว แล้วหยุดไว้แค่นั้น  เสร็จแล้วที่ตัวเตาตั้งภาชนะไม่ต้องเปิดไฟแรง โดยเปิดแค่ได้เปลวไฟเป็นวงกลมให้ปลายเปลวไฟพอแตะขาตั้งภาชนะหุงต้ม หากท่านเปิดแก็สประมาณนี้จะได้แก็สที่มีเปลวไฟเป็นรูปวงกลมสีน้ำเงินซึ่งเป็นเปลวไฟที่ให้ความร้อนได้ดีที่สุด เมื่อเปิดแค่นี้พอตั้งภาชานะหุงต้มที่มีอาหารอยู่ข้างในไว้สักครู่มันก็จะค่อยๆร้อนและอาหารก็ค่อยๆสุกเ

เนื้อสัตว์เป็นอาหารประเภทหนึ่งในอาหารหลักห้าหมู่ที่ให้โปรตีนซึ่งจำเป็นต่อร่างกายคนเราเป็นอย่างมาก เนื้อสัตว์หลายชนิดสามารถนำมาทำเป็นอาหารของคนเราได้ ไม่ว่าจะเป็น เนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อแพะ เนื้อแกะ รวมทั้งสัตว์ปีกอย่าง เป็ด ไก่ นกบางชนิด ปลา เป็นต้น เนื้อสัตว์บางชนิดก็มีวิธีนำมาปรุงทำอาหารรับประทานที่แตกต่างกัน บางชนิดอาจเหมาะสำหรับทำอาหารอย่างหนึ่ง บางชนิดอาจเหมาะสำหรับนำมาทำอาหารต่างกัน  นอกจากนี้เนื้อสัตว์ใหญ่อย่าง วัว ควาย แพะ แกะ อาจใช้เวลาปรุงนานกว่าเนื้อชนิดอื่นอยู่บ้างเพราะเนื้อสัตว์ใหญ่ค่อนข้างเปื่อยยากยิ่งสัตว์บางตัวที่มีอายุมากด้วยแล้วเนื้อจะเหนียวและต้องปรุงหรือต้มกันนานกว่าจะสุกจนเปื่อยรับประทานได้ แต่ผู้เขียนมีวิธีที่จะปรุงเนื้อสัตว์ให้เปื่อยง่ายและเคี้ยวง่ายอร่อยนุ่มลิ้นไม่ว่าจะเป็นสัตว์อ่าน หนุ่ม หรือว่าแก่ก็ตาม และไม่ว่าจะปรุงด้วยวิธีใดก็แล้วแต่ เช่น บางท่านอาจ ต้ม นึ่ง ย่าง หรือแกงกะทิ เคล็ดลับการทำให้เนื้อสัตว์ต้มสุกง่ายหรือแกงสุกง่ายก็คือเมื่อท่านล้างเนื้อสัตว์และหั่นเป็นชิ้นเรียบร้อยรอไว้ก่อนแล้วให้ท่านไปดึงหรือสอยมะละกอลงมาจากต้นสักผลเสร็จแล้วให้เอามีด

หลายท่านอาจชอบเข้าครัวทำอาหารรับประทานเองไม่ว่าจะอยู่ที่บ้าน หอพัก อพาร์ทเมนท์หรือตามคอนโดต่างๆก็แล้วแต่เพราะว่าการทำอาหารรับประทานเองนั้นเราสามารถเลือกปรุงรสชาติอาหารได้ถูกปากและสามารถทำอาหารได้หลากหลายกว่าการไปซื้ออาหารสำเร็จรูปหรืออาหารที่ปรุงวางขายทั่วไปมารับประทาน เช่นอยากแกงนั่นแกงนี่ก็จะตำเครื่องแกงเอง หรืออาจตำน้ำพริกเอง แต่หากขณะตำพริกถ้าพริกกระเด็นเข้าตาก็จะรู้สึกเจ็บปวดมากแม้ผู้เขียนจะเคยบอก วิธีแก้อาการปวดแสบปวดร้อนจากพริกแกงกระเด็นเข้าตา มาแล้วก็ตาม แต่การป้องกันไว้ก็ดีกว่าแก้แน่นอนใช่ไหมครับ ฉะนั้นวันนี้จะกล่าวถึงวิธีป้องกันไม่ให้พริกกระเด็นเข้าตาขณะตำเครื่องแกงซึ่งเป็นวิธีที่ง่ายมากๆที่หลายท่านอาจคาดไม่ถึง และไม่เคยนึกถึงมาก่อนเลยก็ว่าได้ แต่วิธีนี้ง่ายมากจริงๆครับ ไปดูกันดีกว่า วิธีตำพริกแกงไม่ให้กระเด็นเข้าตา ก็คือให้ท่านหาแว่นตาใสๆที่ใส่แล้วมองเห็นชัดนะครับมาใส่ขณะที่ตำพริกแกงไม่ว่าจะตำเครื่องแกงหรือตำน้ำพริกก็แล้วแต่ วิธีใส่แว่นตาป้องกันไม่ให้พริกแกงกระเด็นเข้าตายิ่งทำได้สะดวกใหญ่เลยสำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องสายตา เช่นสายตาสั้น สายตายาว เพราะท่านเหล่านี้โดยปกติก

เมื่อพูดถึงความอ้วนหรือโรคอ้วนคนส่วนใหญ่ย่อมไม่ชอบแน่นอนไม่ว่าจะผู้หญิงหรือผู้ชาย โดยเฉพาะผู้หญิงดูเหมือนว่าไม่มีใครอยากพบเจอะเจอกับความอ้วนหรือแม้แต่ได้ยินใครพูดว่าอ้วนก็อาจขึงขังปั้นปึงโกรธเอาได้เลยล่ะ ความจริงโรคอ้วนนี้แบ่งได้เป็นประเภทใหญ่ๆสองประเภทกล่าวคือ อ้วนโดยกรรมพันธุ์หรือพันธุกรรม พูดง่ายๆก็คือถ้าพ่อแม่อ้วนลูกๆก็มักจะอ้วนได้ง่าย อีกประเภทหนึ่งคืออ้วนเพราะพฤติกรรมการรับประทานอาหารและลักษณะการดำเนินชีวิตประจำวัน โรคอ้วนที่เกิดจากกรรมพันธุ์ โรคอ้วนประเภทนี้มักพบเห็นได้ทั่วๆไปในครอบครัวที่พ่อและแม่อ้วน ลูกที่เกิดมาก็จะอ้วนมาตั้งแต่เด็กๆ และเมื่อค่อยๆโตขึ้นความอ้วนก็ไม่ลดลงแต่จะมีรูปร่างอ้วนขึ้นตามความสูงเรื่อยๆ นอกจากนี้ยังมีครอบครัวที่พ่ออ้วนแม่ผอมหรือแม่อ้วนพ่อผอมในสองกรณีหลังนี้ลูกอาจจะอ้วนหรือไม่อ้วนก็ได้ อย่างไรก็ตามโรคอ้วนตามกรรมพันธุ์นี้แม้พ่อแม่ไม่อ้วนแต่ลูกๆก็อาจอ้วนได้เพราะได้รับการส่งต่อทางพันธุกรรมมายังรุ่นหลานหรือเหลน กล่าวคือปู่ย่า ตายาย หรือญาติฝ่ายพ่อฝ่ายแม่อ้วน ลูกๆก็มีโอกาสที่จะเป็นโรคอ้วนได้เช่นกันแม้พ่อแม่จะไม่อ้วนก็ตาม โรคอ้วนประเภทนี้มักรักษา

การสกัดท่อชักโครกหรือคอห่านตัน บทความเรื่อง จะทำอย่างไรเมื่อใช้น้ำยาและโซดาไฟแก้ท่อชักโครกตันแล้วไม่ได้ผล เป็นบทความต่อเนื่องจากบทความเรื่อง วิธีแก้ท่อชักโครกหรือคอห่านตัน เนื่องจากบางท่านอาจใช้น้ำยาชนิดต่างๆหรือโซดาไฟแล้วหลายครั้งแต่การอุดตันในท่อชักโครกหรือส้วมแบบคอห่านไม่หายไปสักที หากเป็นอย่างนี้ก็อย่าเพิ่งตกอกตกใจครับ เนื่องจากอาจมีผู้ใช้ห้องน้ำกันหลายคนโดยเฉพาะตาม คอนโด แมนชั่น หรือ อพาร์ทเมนท์ให้เช่าต่างๆที่มีผู้ใช้สลับสับเปลี่ยนกันไปเข้าๆออกๆอยู่บ่อยๆ หรือแม้แต่ในบ้านเรือนของตัวเองก็ตามเถอะ อาจเป็นไปได้ว่าที่ท่อชักโครกหรือคอห่านตันนั้นเพราะมีใครสักคนทำวัตถุอนินทรีย์ตกลงไป เช่น ที่หนีบผมพลาสติก หวีอันเล็กๆ เป็นต้น แล้วไปอุดตันอยู่ตรงไหนสักที่ในท่อชักโครกโดยเฉพาะอย่างยิ่งตรงช่วงข้อต่อชักโครกกับท่อที่ไปสู่ถังเก็บสิ่งปฏิกูลด้านล่างทำให้ ราดน้ำเท่าไหร่ ใช้นำยาอะไรหรือใช้โซดาไฟไปแล้วหลายครั้งก็ไม่อาจแก้ปัญหาการอุดตันได้ เนื่องจากน้ำยาหรือโซดาไฟไม่อาจละลายหรือกัดเซาะวัตถุอนินทรีย์ได้ หากเป็นอย่างนี้ให้ท่านลองใช้งูเหล็กแหย่เข้าไปในท่อชักโครกแล้วหมุนคว้านดู ดูขั้นตอนวิธีการใช้ง

ขนุนเป็นผลไม้ไทยชนิดหนึ่งลักษณะผลกลมเป็นรูปวงรี ขนุนลูกโตเต็มที่และสุกพร้อมรับประทานจะใหญ่และหนักมากบางลูกยกคนเดียวแทบไม่ไหวก็มี เมื่อจะรับประทานขนุนต้องใช้มีดเล่มใหญ่ๆผ่าออกและผ่าตัดแต่งเป็นชิ้นเล็กๆอีกทีเสร็จแล้วต้องแกะเม็ดขนุนที่ผ่าตัดแต่งแล้วทีละเม็ดๆออกมาใส่จานหรือถาดรอรับประทาน เม็ดขนุนแต่ละเม็ดจะมีเนื้อขนุนสีเหลืองทองหอมอร่อยน่ารับประทานหุ้มอยู่ ขนุนแม้จะเป็นผลไม้ที่มีรสชาติหอมหวานเย็นชื่นใจ แต่ก็มียางเยอะ ยางสีขาวขุ่นๆเหนียวๆของขนุนจะค่อยซึมและไหลออกมาช้าๆเมื่อตอนผ่าขนุน ทำให้เมื่อต้องแกะขนุนใส่จานมือจะเปรอะเปื้อนไปด้วยยางเต็มไปหมด ยางขนุนที่ติดมือมานั้นล้างด้วยน้ำเปล่าหรือใช้สบู่ น้ำยาอะไรล้างก็ออกยากหรือล้างไม่ออกเลยก็ว่าได้ แต่มีวิธีหนึ่งที่สามารถแก้ปัญหายางขนุนติดมือได้ดีทีเดียว วิธีที่จะกล่าวถึงก็คือหลังจากท่านผ่าขนุนและตัดแต่งพร้อมแกะเม็ดใส่จานพร้อมรับประทานแล้ว ให้ท่านไปล้างมือด้วยน้ำเปล่าสักครั้งก่อนพอให้เศษสิ่งสกปรกอื่นๆออกไปบ้างเสียก่อนแม้ยางขนุนจะไม่หลุดออกไปจากมือก็ตาม เสร็จแล้วให้เอากระดาษทิชชูหรือผ้าก็ได้มาเช็ดซับมือให้แห้งหลังจากนั้นให้เอาแป้งฝุ่นที่ใช้ทาต

ท่อน้ำตันเป็นปัญหาที่พบเห็นอยู่บ่อยๆไม่ว่าในอาคารบ้านเรือน ตามสำนักงานหรือสถานที่ต่างๆทั้งภาคราชการและเอกชน แต่ที่เราพบปัญหานี้ชัดเจนที่สุดมักจะเป็นตามอาคารบ้านเรือนหรือสถานที่ใดๆก็ตามที่มีการประกอบการผลิตสินค้าทั้งอุปโภคและบริโภค เช่นตามโรงงานอุตสาหกรรม ส่วนตามบ้านเรือนก็จะเกิดจากการทำอาหารปรุงอาหารจนเศษอาหารพวกคราบไขมันต่างๆมักไหลลงไปตามท่อเวลาล้างทำความสะอาดพื้นหลังจากทำอาหารเสร็จแล้วหรือในห้องน้ำเวลาอาบน้ำคราบสบู่หรือเส้นผมคราบแชมพู สิ่งต่างๆเหล่านี้เมื่อเราอาบน้ำชำระล้างร่างกายก็จะไหลลงไปยังท่อน้ำทิ้ง รวมทั้งท่อที่อ่างล้างหน้าและอ่างล้างจานก็เกิดการอุดตันได้เช่นกัน ซึ่งในกรณีท่อน้ำทิ้งนี้วิธีป้องกันทำได้อยากไม่เหมือนท่อชักโครกหรือคอห่านเพราะท่อน้ำทิ้งเวลาเราอาบน้ำในห้องน้ำหรือปรุงอาหารในห้องครัวหรือหลังจากกระบวนการผลิตในโรงงานอุตสาหกรรมเศษชิ้นส่วนเล็กๆอย่างพวกไขมัน เส้นผม เศษอาหารจะไหลลงท่อไปอย่างง่ายดายทำให้พอนานไปก็จะไปอุดตันอยู่ในท่อ ณ ตรงไหนสักแห่งทำให้ท่อเกิดการอุดตันน้ำระบายออกไปไม่ได้จนเอ่อล้นขึ้นมาบนพื้นสร้างความหงุดหงิดรำคาญใจเป็นอย่างมาก อีกอย่างการใช้โซดาไฟในท่อน้ำทิ้