บทความ

สมุนไพรจีนที่มีฤทธิ์เป็นกลาง

สมุนไพรจีนที่มีฤทธิ์เป็นกลาง จัดอยู่ในจำพวกหยินเหมือนกับสมุนไพรฤทธิ์เย็น จึงสามารถใช้บำบัดอาการที่เกิดจากการมีหยางมากเกินไป ได้โดยจะช่วยปรับให้ร่างกายสมดุลยิ่งขึ้น เช่นในผู้ป่วยที่มีอาการเจ็บคอบ่อยๆ ท้องผูก หงุดหงิดง่าย คอแห้ง กระหายน้ำ หรือปัสสาวะมีสีเหลืองเข้ม สมุนไพรที่มีฤทธิ์เป็นกลางมีดังต่อไปนี้ เก๋ากี้ 1 สรรพคุณ เก๋ากี้มีฤทธิ์เป็นกลาง รสหวาน ประกอบด้วยสารต้านอนุมูลอิสระสูงมากจึงสามารถช่วยลดการทำลายเซลล์และสารพันธุกรรม ช่วยต้านมะเร็งได้ สารแคโรทีนอยด์ (carotenoid) ในเก๋ากี้ช่วยบำรุงสายตาป้องกันการเป็นต้อกระจก และช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายอีกด้วย 2 เก๋ากี้อุดมไปด้วยโปรตีน วิตามินเอ บี ซี เหล็ก ทองแดง สังกะสี แคลเซียม และซีลีเนียมซึ่งสารอาหารเหล่านี้สามารถช่วยบำรุงประสาท เพิ่มปริมาณอสุจิ ลดไข้ แก้ไอ บำรุงไต ปอด และเลือด นอกจากนี้ยังช่วยให้หลับสบาย คลายเครียด กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ส่วนรากและเปลือกของเก๋ากี้สามารถใช้รักษาโรคผิวหนัง เชื้อราได้ วิธีใช้ 1 ใส่เก๋ากี้ในอาหารประเภทตุ๋น จะช่วยเพิ่มรสชาติให้กลมกล่อมโดยสามารถตุ๋นรวมกับสมุนไพรชนิดต่างๆและเนื้อสั

สมุนไพรจีนฤทธิ์อุ่น

สมุนไพรจีนที่มีฤทธิ์อุ่นหรือร้อนจัดอยู่ในจำพวกหยางที่ใช้บำบัดอาการที่เกิดจากการมีหยินมากเกินไป เช่นมีอาการเย็นตามมือและเท้า อ่อนเพลีย ไม่ค่อยมีแรง ถ่ายเหลว ท้องร่วง หนาวบ่อย ไม่กระปรี้กระเปร่า ไม่กระฉับกระเฉง สมุนไพรในกลุ่มที่มีฤทธิ์อุ่นสามารถบำบัดอาการดังกล่าวได้โดยวิธีใช้สมุนไพรประกอบในอาหารหรือจะชงเป็นชาเพื่อรักษาอาการก็ได้สมุนไพรในกลุ่มฤทธิ์นี้มีดังต่อไปนี้ กานพลู สรรพคุณทางยา 1 กานพลูมีรสชาติเผ็ดร้อน กลิ่นหอม สามารถช่วยรักษาอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ จุกเสียด แน่นท้อง อาหารไม่ย่อย ท้องเสีย ลดกรดในกระเพาะอาหาร และยังลดการบีบตัวของลำไส้ นอกจากนี้ในกานพลูมีน้ำมันหอมระเหยได้แก่ ยูจีนอล (eugenoul) สูงน้ำมันหอมระเหยดังกล่าวเป็นยาแก้ปวด ยาชา แก้ปวดฟัน แก้อักเสบ รักษาโรคเหงือก ระงับแบคทีเรียและกลิ่นปากได้ดี 2 ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของม้าม กระเพาะ และไต ช่วยให้กระเพาะอาหารอุ่น แก้อาเจียน และแก้อาการสะอึก 3 นอกจากนี้การพลูมีแมงกานิสสูง มีโอเมกาสาม วิตามินเค วิตามินซี เส้นใย มีแคลเซียมและแมกนีเซียมเล็กน้อยทำให้มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายด้าน วิธีใช้ 1 เคี้ยวกานพลูแห

ปรุงอาหารอย่างไรให้ปลอดภัยจากโรคมะเร็ง

โรคมะเร็งนอกจากมีสาเหตุมาจากพันธุกรรมแล้ว การกินอาหารบางชนิดก็เป็นสาเหตุที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่ทำให้ผู้คนทุกเพศทุกวัยจำนวนมากต้องจากไปด้วยโรคมะเร็ง แล้วอาหารอะไรล่ะที่จะช่วยให้ปลอดภัยจากโรคมะเร็งได้? จากการศึกษาของแพทย์ทั่วโลกพบว่าอาหารที่ปลอดภัยจากมะเร็งมากที่สุดก็คือพวกผักและผลไม้แต่ใครล่ะจะกินแต่ผักและผลไม้ได้โดยไม่กินอาหารชนิดอื่นเลย อาหารแม้จะเป็นปัจจัยสำคัญในการทำให้เกิดโรคมะเร็งอย่างที่กล่าวแต่วิธีการปรุงยิ่งสำคัญกว่า วิธีการปรุงอาหารคือปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่จะลดหรือเพิ่มอัตราความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งได้ วิธีการปรุงอาหารที่เสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งได้แก่การปรุงอาหารด้วยความร้อนสูงเป็นเวลานานๆ เพราะการปรุงด้วยวิธีดังกล่าวจะทำให้เกิดสารอามีนต่างสายพันธุ์ที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง วิธีการปรุงอาหารที่ปลอดภัยจากโรคมะเร็งก็คือให้ใช้ไฟอ่อนๆและใช้เวลาสั้นๆในการปรุงเช่นวิธีต้ม นึ่ง ผัด ส่วนวิธีการอบ ทอด ย่าง หรือปิ้งการปรุงด้วยวิธีเหล่านี้จะใช้ไฟที่มีความร้อนสูงและใช้เวลานานจึงเสี่ยงต่อการก่อให้เกิดโรคมะเร็งหากหลีกเลี่ยงได้ควรหลีกเลี่ยงหรืออย่ารับประทานบ่อยๆให้รับประทานนานๆครั้

วิธีป้องกันโรคมะเร็งเต้านม

โรคมะเร็งเต้านมนับได้ว่าเป็นโรคมะเร็งอันดับหนึ่งที่ทำให้ผู้หญิงเสียชีวิตกันมากในแต่ละปี โดยเฉพาะในประเทศสหรัฐอเมริกาและประเทศแถบตะวันตกทั้งหลายรวมทั้งในประเทศอื่นๆที่ผู้คนอาศัยอยู่ในเขตเมืองซึ่งพบว่าจะมีแนวโน้มการเป็นมะเร็งเต้านมสูงกว่าผู้คนที่อาศัยอยู่ในชนบท ที่เป็นอย่างนี้เพราะมะเร็งเต้านมมีสาเหตุใหญ่มาจากเรื่องอาหารการกินเป็นสำคัญซึ่งแน่นอนว่าคนเมืองกับคนชนบทมีวิถีการกินที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง กล่าวคือคนในชนบทมักดำรงชีวิตอยู่กับธรรมชาติอาหารการกินก็เป็นแบบธรรมชาติไม่มีสารเคมีเจือปนและมีไขมันน้อยส่วนคนเมืองมีวิถีการกินที่เร่งรีบอาหารส่วนใหญ่ก็เจือปนไปด้วยสารเคมีและที่สำคัญมีไขมันเยอะ ไขมันสาเหตุของมะเร็งเต้านมในเพศหญิง เมื่อคนเมืองกินอาหารที่มีไขมันสูงเข้าไปสะสมในร่างกายมากๆเข้าก็เสี่ยงต่อการเป็นมะเร็งเต้านมได้ง่าย เนื่องจากไขมันจะไปกระตุ้นให้เกิดฮอร์โมนเอสโตรเจนหรือฮอร์โมนเพศหญิงทำให้ฮอร์โมนเพศหญิงของคุณผู้หญิงทั้งหลายเกิดปฏิกิริยาในปริมาณที่สูงจนเกิดมะเร็งขึ้นในที่สุดดังนั้นจึงควรรับประทานอาหารที่มีแคลอรี่และไขมันต่ำ เช่น ปลาและอาหารที่มีเส้นใยต่างๆ เช่นผักผลไม้ ธัญพืช ข

ลูกไม่ชอบทานข้าวทำอย่างไรดี?

เด็กบางคนเมื่อถึงวัยที่ควรรับประทานข้าวได้แล้วกลับไม่ยอมทานข้าวเอาแต่กินนมตลอดทุกมื้อ หรือที่แย่กว่านั้นบางคนนมก็ไม่ยอมกินหรือกินเพียงนิดหน่อยเท่านั้นซึ่งไม่เพียงพอต่อร่างกายที่ต้องการอาหารไปเสริมสร้างให้สมบูรณ์จึงสร้างความหนักอกหนักใจให้กับพ่อแม่เป็นอย่างยิ่ง หนักกว่านั้นเด็กบางคนเมื่ออยู่ในวัยเข้าโรงเรียนก็มีเพื่อนมากห่วงแต่เล่นกับเพื่อนไม่ยอมทานข้าวปลาอาหารที่แม่ทำให้ เด็กจึงดูผอมไปอย่างผิดหูผิดตา ดังนั้นควรใช้วิธีชักจูงใจเด็กให้หันมาสนใจกับการกินอาหารมากขึ้น วิธีต่างๆต่อไปนี้อาจช่วยได้ ให้เด็กมีส่วนร่วมในการทำอาหาร ให้ชักชวนลูกให้เพลิดเพลินไปกับการทำอาหารในแต่ละมื้อ เช่นอาจให้มีส่วนร่วมในการหยิบจับโน่นนี่ หรือช่วยล้างผักบางอย่างที่มีลักษณะแข็งเพื่อจะทำให้ไม่เละง่าย ผักที่ว่าอาจจะเป็นแตงกวา มะเขือ และให้พูดชมลูกเสมอในทำนองที่ว่า “หากไม่ได้ลูกช่วยทำกับข้าวแม่คงทำไม่อร่อยแน่เลย” หรือ” เป็นเพราะลูกนะนี่ที่ทำให้อาหารวันนี้อร่อยดูดีเป็นพิเศษ”  การพูดชมอย่างนี้จะทำให้เด็กรู้สึกภูมิใจที่ได้มีส่วนร่วมทำให้อยากกินกับข้าวฝีมือตัวเอง ฝึกให้เด็กร่วมรับประทานอาหารกับผู้ใหญ่ การให้

วิธีป้องกันและแก้อาการท้องผูกหรือถ่ายยาก

อาการท้องผูกคืออาการที่เวลาปวดท้องรู้สึกอยากถ่ายอุจจาระแต่ถ่ายไม่ออกนอกจากนี้เวลาถ่ายจะเจ็บทวารหนักด้วย ที่เป็นอย่างนี้เพราะอาหารที่เรารับประทานเข้าไปนั้นไปตกค้างอยู่เป็นเวลานานเกินไปจนทำให้อุจจาระแข็งและแห้งทำให้ลำบากในการขับถ่ายออกมา สาเหตุของอาการท้องผูกปกติจะเกิดจากการกินอาหารในปริมาณน้อยเกินไปหรือละเอียดมากๆจนไม่มีเส้นใยอาหารเหลืออยู่เลย หรือบางทีเกิดจากการขับถ่ายไม่เป็นเวลาหรือไม่ได้ถ่ายในตอนเช้าแล้วปล่อยทิ้งไว้จนเกิดอาการท้อผูกได้อาการท้องผูกมีทั้งวิธีป้องกันและวิธีแก้ วิธีป้องกันอาการท้องผูกหรือถ่ายยาก พยายามกินอาหารให้เป็นเวลาและควรรับประทานอาหารที่มีเส้นใยร่วมด้วยอย่ารับประทานเนื้อสัตว์กับอาหากจำพวกแป้งเท่านั้น กล่าวคือในอาหารต้องมีเมนูผักอยู่ด้วยเสมอและควรรับประทานผลไม้ด้วย เพราะผักและผลไม้มีเส้นใยซึ่งช่วยในการขับถ่ายได้ดี นอกจากนี้ยังควรนอนหลับพักผ่อนให้เป็นเวลาไม่นอนดึกเกินไปและตื่นให้เป็นเวลาเมื่อตื่นนอนตอนเช้าควรดื่มน้ำสักแก้วหรือสองแก้วเพื่อกระตุ้นการขับถ่าย วิธีแก้อาการท้องผูกหรือถ่ายยาก หากท่านปวดท้องเข้าห้องน้ำแต่ถ่ายไม่ออกก็อย่าเพิ่งไปฝืนถ่ายเพราะจะท

แกงเผ็ดเนื้อ

แกงเผ็ดเนื้อเป็นอาหารยอดนิยมและอร่อยอีกชนิดหนึ่งในบรรดาแกงเผ็ดต่างๆของชาวปักษ์ใต้ เพราะให้รสชาติที่อร่อยเนื่องจากเครื่องเทศต่างๆที่ใช้ปรุงรสและผักสดต่างๆที่รับประทานร่วมกัน หากท่านใดสนใจ อยากลองชิมแกงเผ็ดเนื้อจากการปรุงของตัวเองลองปรุงตามสูตรข้างล่างนี้ได้ครับ เครื่องปรุง เนื้อวัวหั่นเป็นชิ้น  300 กรัม พริกแห้ง 20-30 เม็ด กระเทียมปอกเปลือก 3-4 กลีบ ขมิ้นปอกเปลือก 2-3 แง่งเล็กๆ ตะไคร้หั่นเป็นแว่นเล็กๆ 1 ต้น พริกไทยแห้ง 10 เม็ด กะปิ ½ ช้อนโต๊ะ เกลือ ½ ช้อนโต๊ะ กะทิคั้น   300 กรัม มะเขือเปราะ 300 กรัม น้ำตาล ½ ช้อนชา ใบมะกรูด 3 ใบ วิธีเตรียมเครื่องแกง นำพริกแห้ง กระเทียม ขมิ้นและ พริกไทยแห้ง ล้างน้ำให้สะอาดแล้วใส่ครกหินใส่ตะไคร้และเกลือตำรวมกันจนละเอียดแล้วใส่กะปิตำคลุกเคล้าให้เข้ากันอีกครั้ง วิธีปรุง เทกะทิใส่หม้อแกงตั้งไฟรอจนกะทิเดือดให้ใส่เครื่องแกงลงไปหรือจะใส่ไปพร้อมกันก็ได้แล้วคนคลุกเคล้าให้เข้ากันพอน้ำแกงเดือด ใส่เนื้อลงไปพอเนื้อใกล้สุกใส่มะเขือเปราะลงไปจนมะเขือเปื่อยตักน้ำแกงชิมดูหากยังไม่ถึงเกลือหรือรสชาติยังไม่กลมกล่อมก็เติมเกลือ