บทความ

การทำกระเทียมดอง

กระเทียมนอกจากใช้เป็นส่วนประกอบในการปรุงอาหารได้หลากหลายแล้วยังถือว่าเป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์มากมายอีกด้วย กระเทียมมีลำต้นอยู่ใต้ดินซึ่งเรียกว่าหัวที่ประกอบด้วยกลีบย่อยๆติดกันหลายๆกลีบ มีเปลือกหุ้มสีขาว สีเทา บางทีก็สีนำตาลส่วนเนื้อในสีเหลืองอ่อนๆ กระเทียมจะมีกลิ่นฉุนจัดและมีรสชาติที่เผ็ดร้อนแสบลิ้นสามารถทำให้น้ำตาไหลได้ กระเทียมมีสรรพคุณมากมายนอกจากใช้ประกอบอาหารดังที่กล่าวไปแล้วสามารถนำไปทำยาสมุนไพรโดยผสมกับสมุนไพรอื่นๆได้อีกด้วย เช่น ผสมกับขิงใช้แก้เสมหะ แก้ลม ฟกช้ำ แก้ท้องอืด กระจายโลหิต หากนำไปผสมกับยา สามารถรักษาโรคมะเร็งเพลิง มะเร็งคุด แก้จุกเสียด และรักษาโรคลมบ้าหมู และเมื่อนำไปผสมกับน้ำนมหรือกะทิสดใช้กินขับพยาธิเส้นด้าย เนื่องจากการรับประทานกระเทียมสดๆนั้นผู้รับประทานลำบากในการรับประทานแต่ถ้านำมาดองก่อนจะช่วยให้รับประทานได้ง่ายขึ้น และหากรับประทานกระเทียมในปริมาณ 2 – 3 หัวต่อวันโดยรับประทานวันละครั้งจะช่วยเหลือผู้ป่วยทีมีคอเลสเตอรอลในเส้นเลือดได้ ท่านสามารถทำกระเทียมดองรับประทานได้เองหรือหากมีกระเทียมเยอะก็ยังสามารถทำเป็นธุรกิจเพื่อนำไปจำหน่ายได้สบายเลยครับ

วิธีทำหน่อไม้ดองเปรี้ยว

หน่อไม้ถือว่าเป็นอาหารชนิดหนึ่งที่หลายๆคนชอบรับประทานกันบางท่านก็อาจจะชอบนำหน่อไม้มาลวกหรือต้มแล้วรับประทานได้เลยแต่บางท่านก็ชอบรับประทานหน่อไม้ที่ดองแล้ว นอกจากนี้หน่อไม้ที่ดองเปรี้ยวนั้นสามารถนำมาเป็นส่วนผสมในแกงได้อีกด้วย เช่นแกงส้มหน่อไม้ดอง เป็นต้นซึ่งถือว่ามีรสชาติอร่อยชวนรับประทานเป็นอย่างยิ่งก่อนที่จะได้หน่อไม้ดองมาทำอาหารรับประทานหากท่านจะดองเก็บไว้รับประทานเองก็สามารถทำได้ไม่ยากโดยดูขั้นตอนการทำตามแบบอย่างต่อไปนี้ การเตรียมส่วนผสม 1 หน่อไม้ไผ่ตงปอกเปลือกออก 1 กิโลกรัม 2 เกลือ 2 ช้อนโต๊ะ 3 แป้งข้าวเจ้า 1 ช้อนโต๊ะ ขั้นตอนการทำ 1 ไสหน่อไม้เป็นแผ่นบางๆตามขวาง หากหน่อไม้นั้นหน่อใหญ่หน่อยก็ให้ผ่าครึ่งก่อนแล้วไสหรือสับหยาบๆ เสร็จแล้วล้างน้ำทิ้งประมาณ 2 - 3 ครั้งหลังจากนั้นให้นำไปแช่ค้างคืน คืน 2 แล้วนำหน่อไม้ที่แช่ค้างคืนขึ้นมาผึ่งให้สะเด็ดน้ำเสร็จแล้วคลุกเคล้าหน่อไม้ให้เข้ากับเกลือและแป้งข้าวจ้าวให้ทั่วแล้วนำไปใส่ในโอ่งหรือขวดขนาดปานกลาง กดให้แน่นๆแล้วใช้ใบตองปิดปากขวดไว้ หากใส่ในโอ่งก็ใช้ก้อนหินทับไว้อีกที แล้วหมักไว้อย่างนั้นประมาณ 50 วันก็สามารถนำมารับปร

กุยช่าย

กุยช่ายเป็นสมุนไพรจีนอีกชนิดหนึ่งที่มีฤทธิ์อุ่น รสเผ็ด สรรพคุณของกุยช่าย 1 ใบกุยช่ายมีสรรพคุณลดการอักเสบและการติดเชื้อจากแบคทีเรีย แก้แมลงกัดต่อย ผื่นคัน ฟกช้ำ บวม แก้หูน้ำหนวก แก้หวัด เลือดกำเดาไหล แก้ท้องผูก แก้อาการปัสสาวะเป็นเลือด รักษาอาการแน่นหน้าอก และอาเจียนเป็นเลือด 2 ส่วนเมล็ดใช้ขับพยาธิเส้นด้ายและพยาธิแส้ม้า รักษาอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ แก้อาการน้ำอสุจิเคลื่อนบ่อย แก้ตกขาว ปัสสาวะผิดปกติและเลือดออกในช่องท้อง 3 ราก รักษาอาการแน่นหน้าอก ช้ำใน อาเจียนเป็นเลือด เลือดกำเดาไหล แก้ตกขาวได้เช่นกัน วิธีใช้รักษาอาการต่างๆ 1 ต้มกุยช่าย 60 กรัมกับเนื้อหอยกาบ 150 กรัม ใช้กินรักษาวัณโรค ไอแห้ง มีเหงื่อออกมากและโรคเบาหวาน 2 นำกุยช่ายสดมาคั้นน้ำดื่ม แก้อาการห้อเลือดบริเวณท้อง 3 ผสมน้ำคั้นกุยช่าย 2 ช้อนโต๊ะ นมสดครึ่งแก้ว และน้ำขิงเล็กน้อย ดื่มรักษาอาการอาเจียน 4 ผัดดอกกุยช่ายกับตับ แก้อาการเหงื่อออกตอนกลางคืนแก้ท้องเสีย 5 เมล็ดกุยช่าย 10 กรัม ชงน้ำดื่ม รักษาอาการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้ ข้อควรระวังในการใช้สมุนไพรกุยช่าย สำหรับผู้ที่ระบบย่อยอาหารไม่ดี ไม่

ลูกไม่ชอบทานผักทำอย่างไรดี

เด็กส่วนใหญ่มักจะไม่ชอบทานผักมักจะเขี่ยออกจากจานข้าวเป็นประจำหากลูกๆของท่านไม่ชอบทานผักลองใช้วิธีต่อไปนี้ดู ซึ่งเคยมีผู้ใช้มาแล้วและได้ผลเป็นอย่างดีด้วยครับ ให้ดูตัวอย่างจากการ์ตูน เช่นเรื่องป๊อบอายกับโอลีฟ ที่ป๊อบอายชอบกินผักโขมแล้วทำให้เกิดมีพลังต่อสู้กับเหล่าร้ายได้ ให้ใช้จังหวะนี้บอกให้เขารู้ว่าที่ป๊อบอายแข็งแรงและสามารถเอาชนะเหล่าร้ายได้ก็เพราะกินผักขณะเดียวกันก็เปรียบเทียบให้เห็นข้อเสียว่า เห็นไหมเมื่อป๊อบอายไม่กินผักจะอ่อนแอไม่มีแรงต่อสู้กับศัตรูและช่วยเหลือใครก็ไม่ได้ ไม่เก่งอะไรทำนองนี้ วิธีนี้จะทำให้เด็กอยากเอาอย่างตัวละคร ตัวการ์ตูน โดยพูดให้เขาฟังบ่อยๆ เขาก็จะค่อยๆอยากกินผักไปเอง ให้เด็กได้คลุกคลีอยู่กับผักเสมอ เช่นในขณะที่เขายังเล็กๆ ช่วงคลาน นั่ง หรือเดินได้นิดหน่อยให้ล้างผักให้สะอาดแล้วใส่ภาชนะไปวางไว้ใกล้ๆเขา โดยธรรมชาติของเด็กเมื่อมีสิ่งของอยู่ใกล้ตัวมักจะคว้า หยิบจับมากัดกินเล่นทำให้เขาได้คุ้นเคยกับผักและคิดว่าผักเป็นสิ่งกินได้ไม่น่ากลัวทำให้เขาไม่รังเกียจผักอีกต่อไป หมั่นเปลี่ยนเมนูอาหารบ่อยๆ แปลกๆ เช่นนำผักที่ลูกไม่ชอบกินมาดัดแปลงใหม่ให้เป็นรูปต่างๆ

ทำอย่างไรลูกไม่ชอบดื่มนม

ปัญหาเด็กไม่ชอบดื่มนมเกิดขึ้นกับบุตรหลานของหลายท่านซึ่งเลิกดื่มนมไปเร็วกว่าเวลาอันควรทำให้เด็กขาดสารอาหารที่มีประโยชน์ไปเพราะในนมมีสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายเด็กมากมาย ที่สามารถทดแทนสารอาหารที่ขาดไปจากการกินอาหารหลักในแต่ละมื้อได้ ดังนั้นทำอย่างไรดีที่จะแก้ปัญหาเด็กไม่ชอบดื่มนมได้ลองนำวิธีต่อไปนี้ไปใช้ดูครับ วิธีที่พอจะแก้ได้ก็คือลองจัดให้ลูกดื่มนมแข่งกับเพื่อนๆรุ่นเดียวกับเขา หรือพี่น้อง แม้กระทั่งกับพ่อแม่ก็ได้ อาจจะใช้วิธีแข่งดื่มนมกันว่าใครดื่มหมดก่อนจะเป็นผู้ชนะโดยผู้ชนะจะได้รับรางวัลหรือให้รางวัลเป็นสิ่งที่ลูกต้องการหรือชอบ วิธีนี้จะกระตุ้นเด็กให้อยากดื่มนมเพราะเขาจะอยากได้รางวัลที่เขาต้องการ เนื่องจากหากไม่ใช้วิธีนี้เด็กจะไม่สนใจดื่มนมเลยและที่แย่ไปกว่านั้นเด็กที่ไม่ชอบดื่มนมมักจะไม่ชอบทานข้าวด้วยซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพของเด็กอย่างมาก ปัญหาอีกประการหนึ่งที่มักเกิดขึ้นกับการดื่มนมของเด็กก็คือ เด็กเล็กๆมักจะดูดนมจากขวดเวลานอนหลับซึ่งเด็กมักจะดูดนมได้นิดเดียวก็หลับไปเสียแล้ว และไม่ยอมลุกขึ้นมาดูดนมอีก วิธีแก้ปัญหาเด็กดื่มนมแบบนี้ก็คือหากครั้งต่อไปลูกไม่ยอมดื่มนมจนหมดข

การแก้ปัญหาดินกรดด้วยวิธีง่ายๆ

ปัญหาดินเป็นกรดเป็นปัญหาหนึ่งสำหรับเกษตรกรเนื่องจากเมื่อดินเป็นกรดก็จะไม่สามารถปลูกพืชให้งอกงามและให้ผลผลิตดีได้ แต่ดินเป็นกรดสามารถแก้ไขได้ด้วยวิธีง่ายๆและประหยัดค่าใช้จ่ายอีกด้วย สำหรับการแก้ปัญหาดินกรดให้ดีขึ้นจนสามารถเพาะปลูกพืชให้งอกงามได้อีกครั้ง เกษตรกรควรเน้นหรือให้ความสำคัญกับวิถีเกษตรอินทรีย์โดยให้จุลินทรีย์ที่เอื้อประโยชน์ เป็นตัวช่วยในการปรับปรุงโครงสร้างดินให้ดีขึ้น แต่ปัญหาก็คือการจะเพาะเลี้ยงจุลินทรีย์ในดินกรดนั้นไม่สามารถจะทำได้ทันที เนื่องจากความเป็นกรดในดินจะเป็นอันตรายต่อจุลินทรีย์ในดินจนทำให้จุลินทรีย์ไม่สามารถขยายพันธุ์เพื่อเพิ่มจำนวนหรือทำกิจกรรมได้ ดังนั้นประการแรกควรปรับค่าความเป็นกรดของดินให้อยู่ในระดับที่เหมาะสมก่อน วิธีปรับก็คือให้ใช้วัสดุปูนทางการเกษตร เช่น หินปูนบด ปูนขาว ปูนเผา โดโลไมท์ เข้าไปปรับสภาพค่าพีเอชของดิน ให้ดีขึ้นโดยใช้ในอัตราส่วนประมาณ 100 – 300 กิโลกรัมต่อไร่ แล้วลดการใช้ปุ๋ยเคมีแต่หันมาเน้นการใช้ปุ๋ยหมัก ปุ๋ยอินทรีย์ ไส้เดือนดิน และ จุลินทรีย์ในการบำรุงดินและพืชแทน สำหรับช่วงที่รอให้โครงสร้างดินดีขึ้นหลังจากการปรับสภาพดินก็ให้วางแ

สมุนไพรจีนฤทธิ์เย็น

สมุนไพรจีนฤทธิ์เย็นจัดอยู่ในจำพวกหยินที่ใช้บำบัดรักษาอาการที่เกิดจากการมีหยางมากเกินไป เช่น ชีพจรเต้นเร็ว ตื่นเต้นง่ายและลุกลี้ลุกลนอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งอาการลิ้นแดงและขี้ร้อน ดังนั้นการใช้สมุนไพรในกลุ่มนี้จะทำให้ร่างกายมีสมดุลดีขึ้น สมุนไพรในกลุ่มนี้ได้แก่ เก๊กฮวย สรรพคุณเก๊กฮวย เก๊กฮวยจัดอยู่ในประเภทสมุนไพรฤทธิ์เย็นที่สามารถขับพิษร้อน ขับลม ขับเหงื่อ แก้ร้อนใน ดอกเก๊กฮวยที่เราเห็นสีเหลืองๆมีสารแคโรทีนอยด์ (carotenoid) ช่วยบำรุงสายตา บำรุงตับ แก้ไข้ บรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะ หน้ามืด ส่วนเก๊กฮวยดอกขาวมีคุณสมบัติแก้ร้อนใน ถ้าใช้ร่วมกับใบไผ่ขมและสะระแหน่จะช่วยแก้ไอและบำรุงปอด นอกจากนี้เก๊กฮวยดอกขาวมีสารฟลาโวนอยด์ (flavonoid) กรดอะมิโน สารไครแซนทีมิน ( chrysanthemin) สารอะดีนีน (adenine) โคลีน (coline) สตาไคดรีน (stachydring) และน้ำมันหอมระเหยที่ช่วยรักษาและป้องกันโรคเส้นเลือดหัวใจตีบ ช่วยขยายหลอดเลือด ลดการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลว และโรคความดันโลหิตสูง นอกจากนี้ มีรายงานการวิจัยว่าสารสกัดจากเก๊กฮวยมีสรรพคุณยับยั้งไวรัสเอดส์ได้ด้วย วิธีใช้ 1 ใช้เก๊กฮวยผงชงดื่มได้ทั้งแบบร้อนแ