บทความ

วิธีเก็บมะนาวเอาไว้ให้ใช้ได้นานๆ

เคล็ดลับงานครัว งานครัวเป็นเรื่องจำเป็นอย่างหนึ่งของคนในบ้านโดยเฉพาะอย่างยิ่งแม่บ้านที่ต้องคอยดูแลไม่ให้ขาดตกบกพร่องและพร้อมที่จะแก้ปัญหาได้ทุกเวลาหากเกิดปัญหาขึ้นอย่างใดอย่างหนึ่งในครัว และที่สำคัญงานครัวเป็นเรื่องเกี่ยวกับปากท้องจึงเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ที่จะต้องดูแลและเอาใจใส่เป็นอย่างดีซึ่งบางทีในบางครอบครัวแม่ครัวมีหน้าที่หลักบางครอบครัวก็ช่วยกันทั้งพ่อครัวและแม่ครัวรวมทั้งลูกๆที่อาศัยอยู่ด้วยกันก็มีส่วนรับผิดชอบร่วมด้วย แต่ก็เป็นธรรมดาว่าของต่างๆในครัวที่ใช้อยู่ทุกเมื่อเชื่อวันอาจมีปัญหาชำรุดทรุดโทรมไปตามเวลาหรือว่ามีปัญหาบ้างก็ไม่แปลกดังนั้นจึงควรเรียนรู้เคล็ดลับบางอย่างเกี่ยวกับงานครัวเอาไว้บ้าง เผื่อได้เตรียมการณ์และแก้ปัญหาได้ทันเมื่อยามมีเหตุฉุกเฉินขึ้นมา ดังนั้นเรามาเรียนรู้เคล็ดลับต่างๆเกี่ยวกับงานครัวไปพร้อมๆกัน เคล็ดลับอย่างแรกสำหรับงานครัวที่จะนำเสนอก็คือ วิธีเก็บมะนาวเอาไว้ให้ใช้ได้นานๆ วิธีเก็บมะนาวเอาไว้ให้ใช้ได้นานๆ มะนาวเป็นพืชอย่างหนึ่งที่มีราคาขึ้นลงหรือผันผวนอยู่ตลอดเวลา บางครั้งก็ราคาถูกแสนถูกบางครั้งก็ราคาแพงอย่างไม่น่าเชื่อ ดังนั้นหากเรารู้วิธีเ

ประโยชน์และสรรพคุณของงา

งาโดยทั่วไปแล้วเราจะพบว่ามีสองชนิดที่ถูกนำมาใช้ในการประกอบอาหารมากที่สุดไม่ว่าของหวานหรือของคาวนั่นก็คืองาขาวกับงาดำนั่นเอง และทั้งสองชนิดนี้มักจะนำมาโรยหน้าขนมเพื่อเพิ่มรสชาติและความอร่อยยิ่งขึ้นซึ่งเราจะสัมผัสได้เมื่อเรากัดกินอาหารที่โรยด้วยงาโดยจะรู้ถึงความกรอบอร่อยหอมหวานแต่ท่านรู้หรือไม่ว่านอกจากงาจะให้ความอร่อย หวานมันหอมกรอบแล้วงายังถือเป็นสมุนไพร กล่าวคือสามารถใช้เป็นสมุนไพรได้อีกด้วยดังนั้นวันนี้มาดูสรรพคุณและวิธีใช้งาในฐานะสมุนไพรกันครับ   สรรพคุณ งาดำและงาขาวถือว่ามีฤทธิ์เป็นกลางรสหวาน ส่วนน้ำมันงามีฤทธิ์เย็น มีสรรพคุณแก้ท้องผูก ทำให้ลำไส้ชุ่มชื้น ลดกรดในกระเพาะอาหารลดการอักเสบของทางเดินอาหารและกระเพาะปัสสาวะ บำรุงตับและไต เพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย รักษาอาการเคล็ดขัดยอก บำรุงรากผมและผิว ช่วยให้หลับได้ดี รักษาแผลไฟไหม้น้ำร้อนลวกและแผลเปื่อยติดเชื้อ วิธีใช้ 1 ต้มงาดำ 1 ถ้วยกับข้าว 1 ถ้วยตวง จนเป็นโจ๊ก กินแก้อาการท้องผูก 2 คั่วงาดำ 15 กรัมจนหอม เติมเกลือเล็กน้อย กินบำรุงสำหรับสตรีหลังคลอด 3 การใช้น้ำมันงาประกอบอาหารจะช่วยให้ระบาย นอกจากนี้น้ำมันงายัง

ขึ้นฉ่าย

สรรพคุณ ขึ้นฉ่ายมีรสหวานอมขมและถือว่าเป็นสมุนไพรฤทธิ์เย็นอีกชนิดหนึ่ง มีสารลิโมนีน ( limonene) สารซีลินีน (selinene) และสารฟทาไลเดส (phthalides) ซึ่งเป็นสารที่ทำให้เกิดกลิ่นหอมเฉพาะตัวของขึ้นฉ่ายก็ว่าได้ และที่สำคัญสารสองตัวนี้จะกระตุ้นให้เกิดความยากรับประทานอาหารอีกด้วย นอกจากนี้ขึ้นฉ่ายยังอุดมไปด้วยธาตุโพแทสเซียมที่ช่วยปรับระดับความดันโลหิตให้เป็นปกติ นอกจากนี้ยังช่วยให้ไตทำงานได้อย่างเต็มที่ และยังเร่งกระบวนการกำจัดของเสียออกจากร่างกายอีกด้วย ขึ้นฉ่ายยังมีสาร 3 เอ็น - บิวทิลฟทาไลด์ (3-n-butyl phthalide) ที่มีฤทธิ์เป็นยาระงับประสาท และช่วยลดความดันโลหิตอีกด้วย ขึ้นฉ่ายมีสารที่ช่วยบรรเทาอาการปวดจากโรคเกาต์ซึ่งมีสาเหตุจากผลึกยูริกไปเกาะตามข้อ ส่วนเมล็ดของขึ้นฉ่ายมีฤทธิ์เป็นยากล่อมประสาท นอกจากนี้พืชชนิดนี้มีแคลอรีต่ำมากซึ่งสามารถช่วยป้องกันโรคมะเร็งและโรคหัวใจขาดเลือดได้ วิธีใช้ 1 นำเมล็ดขึ้นฉ่ายมาชงน้ำดื่ม สามารถลดอาการอักเสบของข้อเนื่องจากโรคเกาต์ 2 ผัดขึ้นฉ่ายกับเครื่องในสัตว์กินบำรุงตับและไต 3 ดื่มน้ำขึ้นฉ่ายคั้นสดๆ ผสมกับน้ำผึ้งเล็กน้อย จะช่วยบรรเทาอาการว

เปลือกแตงโมงแช่อิ่มแห้ง

วิธีทำเปลือกแตงโมแช่อิ่มแห้งมีส่วนผสมและขั้นตอนดังต่อไปนี้   ส่วนผสม เปลือกแตงโมงเฉพาะส่วนสีเขียว ½ กิโลกรัม น้ำตาลทรายขาว 2 ถ้วย น้ำตาลทรายแดง 1 ถ้วย น้ำเปล่า 2 ถ้วย น้ำปูนใส 1 ถ้วย วิธีทำ ล้างเปลือกแตงโมและปอกเอาเฉพาะส่วนสีขาวมาหั่นเป็นสี่เหลี่ยมเล็กยาว หรือจะหั่นเป็นรูปร่างแบบอื่นตามต้องการก็ได้ เสร็จแล้วนำไปแช่ในน้ำปูนใสเป็นเวลา 1 คืนแล้วเอามาบีบล้างกับน้ำเปล่าให้หมดกลิ่นปูน ล้างน้ำอีกครั้งแล้วบีบน้ำออกให้หมด แล้วเอาไปตากแดดให้แห้ง นำน้ำใส่น้ำตาลต้มในกระทะทองเหลือง พอเดือดได้ที่และน้ำตาลละลายแล้วเอาเปลือกแตงโมลงไปเชื่อมไฟอ่อนๆ จนกระทั่งได้น้ำเชื่อมเหนียวหนืดก็ให้ยกกระทะลงจากเตา แล้วเทใส่ขวดโหลแก้วขณะที่ยังร้อนโดยให้น้ำเชื่อมท่วมมิดเปลือกแตงโม ปิดฝาให้สนิท ทิ้งไว้ข้ามวัน หลังจากนั้นให้รินน้ำเชื่อมออกมาต้มพอให้เชื้อโรคตายแล้วทิ้งไว้ให้เย็นก่อนที่จะเทน้ำเชื่อมกลับเข้าไปในขวดโหลดังเดิม ให้ทำอย่างนี้ทุกวันไปจนครบ 10 วัน จะทำให้เปลือกแตงโมนั้นอิ่มน้ำตาล ใสเหมือนแก้วและมันวาว รสชาติหวานอมเปรี้ยว สามารถเก็บไว้ในขวดโหลใบเดิมได้นาน 3 เดือน แล้วให้หั่นเปลือกแตง