บทความ

การทำฟักทองเชื่อม

ฟักทองถือเป็นพืชผักอีกชนิดหนึ่งที่มีประโยชน์มากมายเพราะอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่างๆหลายชนิด นอกจากนี้เราสามารถนำฟักทองมาประกอบอาหารรับประทานได้หลายอย่างอีกด้วยไม่ว่าจะเป็นของคาวหรือของหวานฟักทองล้วนสนองตอบต่อวิธีปรุงต่างๆดังกล่าวได้ไม่ด้อยไปกว่ากันแต่ในบทความครั้งนี้ผู้เขียนอยากนำเสนอ วิธีการทำฟักทองเชื่อม ซึ่งทำได้ไม่ยากและท่านสามารถทำรับประทานกันเองภายในครอบครัวได้ ดูขั้นตอนการทำฟักทองเชื่อมได้ดังต่อไปนี้ครับ ส่วนผสม ฟักทองแก่จัด 1 กิโลกรัม น้ำตาลทรายขาว 1 ½ ถ้วย น้ำปูนใส 4 ถ้วย น้ำ 1 ½ ถ้วย วิธีทำ ให้นำฟักทองมาล้างแล้วปอกเปลือก เสร็จแล้วล้างน้ำอีกครั้ง หั่นเป็นชิ้นตามต้องการ แช่ในน้ำปูนใสนานสัก 1 ชั่วโมงแล้วเอาออกมาล้างน้ำ เสร็จแล้วตั้งกระทะทองเหลืองหรือหม้อเคลือบ เติมน้ำและต้มกับน้ำตาลทรายจนละลายหมด แล้วเอาฟังทองลงไปเชื่อม พลิกกลับให้เชื่อมได้ทั่วระวังอย่าให้เละ แล้วหรี่ไฟลงเมื่อน้ำเริ่มงวด แล้วเชื่อมให้ได้ที่จนมีความใสให้มีน้ำเชื่อมคลุกเคล้าอยู่ เสร็จแล้วก็ตักขึ้นใส่จาน เวลากินให้เติมหัวกะทิที่นึ่งกับเกลือพอเค็มปะแล่มๆ อันที่จริงฟักทองมีความหวานในตัวอยู่

วิธีทำคะน้าดอง

คะน้าเป็นพืชผักเศรษฐกิจอีกชนิดหนึ่งที่ปลูกกันแพร่หลายเพราะสามารถนำมาทำอาหารได้หลายหลากเมนู เช่น คะน้าทอดกรอบ คะน้าปลากระป๋อง คะน้าปลาเค็ม หรือนำมาทำราดหน้าที่ขึ้นชื่อลือชาว่า ราดหน้ายอดผัก นอกจากนี้ยังมีเมนูอาหารอื่นๆอีกมากมายที่มีคะน้าเป็นส่วนประกอบอยู่ถ้าจะเอามากล่าวในที่นี้ทั้งหมดก็คงกล่าวได้ไม่จบแน่ แต่วันนี้เราจะนำเสนอวิธีถนอมอาหารอย่างผักคะน้าให้เก็บไว้ได้นานขึ้นวิธีที่จะกล่าวถึงก็คือวิธีทำคะน้าดองเก็บไว้รับประทานนั่นเองครับดูรายละเอียดต่างๆได้ดังนี้ครับ ส่วนผสม ต้นคะน้าหั่นเป็นชิ้น 3 ถ้วย น้ำปลา ¼ ถ้วย น้ำตาลกรวด ¼ ถ้วย น้ำกระเทียมดอง 1 ถ้วย วิธีทำ ให้นำผักคะน้ามาล้างแล้วเอาเฉพาะส่วนลำต้นและก้านอ่อนที่กินได้แล้วให้หั่นเป็นชินพอคำสัก 3 ถ้วย แล้วนำไปตากแดดหนึ่งวัน ให้พอคะน้าเหี่ยวลงแต่อย่าให้ถึงขั้นเกรียม เสร็จแล้วให้นำส่วนผสมทั้งหมดที่กล่าวไว้ด้านบนยกเว้นคะน้าไปต้มให้เดือด แล้วทิ้งไว้ให้เย็น แล้วนำไปใส่ขวดโหลที่บรรจุคะน้าให้ท่วม ปิดฝาให้แน่น ตั้งทิ้งไว้ในห้องนาน 1-2 สัปดาห์ก็กินได้ จะได้คะน้าที่มีรสชาติเปรี้ยว เค็ม หวานสามารถนำมารับประทานกับน้ำพริกต่างๆได้เ

วิธีทำขิงอ่อนแช่อิ่มแห้ง

ส่วนผสม ขิงอ่อนสด ½ กิโลกรัม น้ำตาลทรายขาว 1 ถ้วย น้ำตาลทรายแดง 1 ถ้วย น้ำเปล่า 2 ถ้วย น้ำปูนใส 2 ถ้วย วิธีทำ นำขิงมาล้างแล้วปอกเปลือก เสร็จแล้วหั่นสวยงามตามใจชอบ ให้หนาประมาณ 1 เซนติเมตร สำหรับขิงที่นำมาทำให้ใช้ขิงอ่อนเพราะว่าจะนิ่มและรสชาติไม่เผ็ดมากเกินไป ขั้นตอนต่อไปให้เอาเกลือละลายในน้ำปูนใส นำขิงลงแช่ให้น้ำท่วมเป็นเวลา 1 คืน รุ่งขึ้นให้นำขิงไปล้างน้ำ ให้เตรียมน้ำเชื่อมโดยใช้น้ำสะอาดผสมน้ำตาลทรายแดง น้ำตาลทรายขาว ต้มให้น้ำและน้ำตาลผสานเป็นเนื้อเดียวกันจนเดือดแล้วทิ้งไว้ให้เย็น ถ้ามีเศษสิ่งสกปรกให้กรองน้ำตาลด้วยผ้าขาวบาง นำขิงใส่ขวดโหลแก้ว รินน้ำเชื่อมลงไปให้ท่วม ปิดฝาให้สนิท ทิ้งไว้สัก 1 วัน รินน้ำเชื่อมออกมาต้มให้เดือดเพื่อฆ่าเชื้อโรคที่มีติดค้างอยู่ในขิงหรือขวดโหล เสร็จแล้วปล่อยให้น้ำเชื่อมเย็นลงแล้วเทกลับใส่ขวดโหลเหมือนเดิม แล้วปิดฝาให้สนิท วันต่อมารินน้ำเชื่อมไปต้มแบบเดิม ถ้าน้ำงวดก็เติมน้ำและน้ำตาลในอัตราส่วนที่เข้มข้นกว่าเดิม ต้มให้เดือด ทิ้งไว้ให้เย็น แล้วรินกลับเข้าขวดโหลดังเดิม ให้ทำอย่างนี้ทุกวันไปจนครบ 5 วัน จะทำให้ขิงอิ่มน้ำตาลมีความใสแ

ประโยชน์ สรรพคุณและวิธีใช้ทับทิม

สรรพคุณทับทิม ทับทิมมีรสหวานอมเปรี้ยวถือเป็นสมุนไพรฤทธิ์เย็นช่วยแก้กระหาย เป็นยาระบายอ่อนๆ ช่วยบำรุงร่างกาย ป้องกันโรคโลหิตจาง กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ระงับกลิ่นปาก ลดไข้รักษาอาการตาอักเสบ หลอดลมอักเสบและวัณโรค สารอินูลีน ( inuline) กรดมาลิก (malic acid) และธาตุอาหารอื่นๆในทับทิมช่วยบำรุงสายตา ป้องกันโรคลักปิดลักเปิด ช่วยลดการอักเสบ ต้านมะเร็ง ลดความดันโลหิต ป้องกันโรคหัวใจ ส่วนเปลือกของทับทิมมีสารแทนนิน (tannin) ซึ่งมีสรรพคุณแก้บิด ตกขาว แก้ท้องร่วง ช่วยถ่ายพยาธิ รักษาน้ำกัดเท้า ช่วยยับยั้งแบคทีเรียและไวรัส โดยนำมาใช้ล้างแผล เพื่อช่วยสมานแผล รักษาแผลพุพอง สำหรับดอกทับทิมใช้เป็นยาแก้ไข้ แก้บิด แก้หูชั้นในอักเสบ รักษาแผลในกระเพาะอาหาร นอกจากนี้ใบและเมล็ดมีฤทธิ์ขับพยาธิ แก้ท้องเสีย สมานแผล รากและเปลือกของลำต้นมีฤทธิ์ขับพยาธิและยับยั้งแบคทีเรีย วิธีใช้ทับทิม 1 นำเปลือกผลทับทิมแห้งมาต้มกับน้ำปูนใส หรือใช้เปลือกผลทับทิมต้มกับพุทราจีน ใช้ดื่มแก้อาการท้องเสีย 2 นำเปลือกต้อนหรือเปลือกรากสดของทับทิมมาต้มน้ำดื่ม มีสรรพคุณช่วยขับพยาธิตัวตืดและพยาธิไส้เดือนในเด็ก ช่วยรักษาอาการบิ

วิธีปฐมพยาบาลผู้โดนปลากระเบน ปลากดและปลาดุกทะเล

ปลาทั้งสามชนิดที่จะกล่าวถึงซึ่งได้แก่ปลากระเบน ปลากด และปลาดุกทะเลจะอาศัยอยู่บริเวณชายฝั่งทะเลและในทะเลลึก บางทีหากท่านเดินลุยย่ำน้ำอยู่ริมชายฝั่งทะเลอาจไปสะดุดหรือเหยียบปลาเหล่านี้ที่หมกตัวอยู่ตามพื้นทะเล หากเดินไม่ระวังจะโดนเงี่ยงคมของปลาเหล่านี้ทิ่มแทงเอาได้และเงี่ยงปลาเหล่านี้มีพิษรุนแรงสามารถทำให้ถึงแก่ชีวิตได้หากโดนจุดที่สำคัญตามร่างกาย อาการเริ่มแรกจะปวดรุนแรงตามมาด้วยแผลจะบวมแดงและแข็ง ทำให้แผลอักเสบและเน่า บางครั้งอาจช็อค หมดสติหรือถึงแก่ชีวิตก็มี ดังนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่ควรรู้การพยาบาลเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ไว้   สำหรับการปฐมพยาบาลกระทำได้โดย ห้ามเลือดที่บาดแผลแล้วตรวจดูว่ามีเศษของเงี่ยงพิษตกค้างอยู่อีกหรือเปล่า หากมีอยู่ให้ใช้คีมคีบเงี่ยงปลาออกไป แล้วแช่บาดแผลลงในน้ำอุ่นเท่าที่จะทนได้ ให้แช่สักประมาณ 30-60 นาที เนื่องจากพิษของเงี่ยงปลากระเบนเป็นสารพวกโปรตีนย่อยสลายในความร้อน หากปวดมากให้ใช้ยาแก้ปวดอักเสบ หากบาดแผลค่อนข้างลึกควรปิดด้วยปลาสเตอร์ และหากมีอาการแพ้มากควรรีบส่งแพทย์ ร่างกายจะอ่อนเพลียอีกหลายสัปดาห์ สำหรับปลากระเบนไฟฟ้าอาจทำให้หมดสติได้ เมื่อนำผู้ป่

ประโยชน์และสรรพคุณของเทียนข้าวเปลือก

เทียนข้าวเปลือกเป็นสมุนไพรจีนฤทธิ์อุ่นอีกชนิดหนึ่งที่มีน้ำมันหอมระเหยอยู่ในอัตราสูง เทียนข้าวเปลือกถูกให้เป็นองค์ประกอบของยาสามัญประจำบ้านแผนโบราณ 28 ขนาน เป็นขนานที่ใช้บำรุงเลือด แก้ลม ท้องอืด แต่ทั้งนี้และทั้งนั้นต้องใช้เทียนข้าวเปลือกรวมกับสมุนไพรชนิดอื่นด้วย เทียนข้าวเปลือกยังช่วยลดกลิ่นปาก ช่วยย่อย รักษาโรคแผลในปาก ช่วยกระตุ้นระบบประสาทให้ตื่นตัว นอกจากนี้ยังช่วยบำรุงไต แก้ปวดหลัง ปวดข้อ ปวดท้อง รักษากระเพาะ รักษาโรคเหน็บชา และกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิต   วิธีใช้เทียนข้าวเปลือก 1 เทียนข้าวเปลือกมักใช้ร่วมกับอาหารประเภทเนื้อเพราะเข้ากันได้ดีโดยเฉพาะเนื้อปลา อาหารที่มีส่วนผสมของเทียนข้าวเปลือกและขิงปรุงร่วมกัน จะได้สรรพคุณลดอาการปวดท้อง 2 และหานำเทียนข้าวเปลือกมาคั่วกับไตสัตว์ เช่น วัว แพะ แกะ และอื่นๆ กินบ่อยๆจะช่วยบำรุงร่างกายในผู้ที่ทำงานหนัก และมีอาการปวดหลัง อ่อนเพลีย หรือไม่มีแรง 3 หากนำเมล็ดเทียนข้าวเปลือก 20 กรัมชงกับน้ำร้อนดื่มทุกๆ 15-30 นาทีโดยทำควบคู่กับการนอนชันเข่า จะช่วยรักษาอาการไส้เลื่อนได้ 4 ถ้านำเมล็ดเทียนข้าวเปลือกกับเมล็ดลิ้นจี่อย่างละเท่าๆกั