วิธีปฏิบัติเมื่อแบตเตอรี่รถยนต์หมด

แบตเตอรี่ถือว่าเป็นอุปกรณ์อีกชนิดหนึ่งที่สำคัญต่อรถยนต์  เพราะการจะสตาร์ทรถหรือทำอะไรก็ตามจะต้องอาศัยไฟจากแบตเตอรี่แทบทั้งหมดก็ว่าได้ โดยทั่วไปแล้วแบตเตอรี่ที่มากับรถใหม่มักจะหมดหลังจากใช้งานไปได้ประมาณ 1 2 ปี ดังนั้นจึงควรมีสายพ่วงติดรถเอาไว้เสมอครับ

ตามหลักหากไม่ได้สตาร์ตเครื่องไว้ก็ไม่ควรเปิดใช้ไฟฟ้าในรถอย่างไม่จำเป็นไม่ว่าจะเปิดวิทยุ เปิดไฟหน้ารถทิ้งไว้หรือเปิดแอร์เพราะนอกจากจะทำให้แบตเตอรรี่เสื่อมเร็วแล้ว การเปิดแอร์ไว้โดยไม่ดับเครื่อง ยังทำให้ระบบปรับอากาศภายในรถเสื่อมเร็วอีกด้วย

อาการแบตเตอรี่หมดสังเกตได้จากสตาร์ตเครื่องไม่ติดหรือไฟรถไม่สว่างซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการชาร์จแบตเตอรี่ ซึ่งวิธีการชาร์จแบตเตอรี่นั้นง่ายมากและคุณก็สามารถทำเองได้ครับ

วิธีชาร์ตให้จอดรถที่แบตเตอรี่หมดและรถที่จะชาร์จให้หันหน้าเข้าหากันดับเครื่อง ใส่เกียร์ว่าง ดึงเบรกมือขึ้น และเปิดฝากระโปรงหน้ารถ จากนั้นให้ต่อขั้วสายพ่วงสำหรับชาร์จแบตเตอรี่โดยต่อขั้วบวก จากคันที่แบตเตอรี่หมดเข้ากับขั้วบวกของอีกคันด้วยสายสีแดง และต่อขั้วลบจากคันที่ให้พ่วงเข้ากับขั้วลบคันที่แบตหมดแต่ระวังอย่าให้ปากของทั้งสองขั้วชนกัน

เสร็จแล้วให้ฝ่ายช่วยเหลือติดเครื่องและเร่งเครื่องติดๆกันระยะหนึ่งก่อนจะปล่อยให้เครื่องเดินตามปกติ แล้วให้ฝ่ายที่แบตเตอรี่หมดติดเครื่องบ้าง จากนั้นให้เร่งเครื่องรถทั้ง 2 คัน ติดต่อกันนาน 5-10 นาทีเป็นอย่างน้อย เพื่อให้ระบบไฟฟ้าเกิดความสมดุลกัน

แต่ก่อนจะถอดขั้วสายไฟออกจากรถทั้งสองคัน ควรดับเครื่องก่อนทุกครั้ง และเริ่มปลดจากขั้วลบของคันที่แบตเตอรี่หมดก่อนเสมอ และต้องระวังไม่ให้ปากทองแดงสัมผัสกับลำตัวเด็ดขาด และอย่าให้สัมผัสกับตัวถังรถด้วย

เคล็ดลับถัดไป

เคล็ดลับก่อนหน้า

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

วิธีแก้อาการปวดแสบร้อนเมื่อพริกเข้าตา

วิธีแก้ยางขนุนติดมือ

วิธีป้องกันและรักษาสิวบนแผ่นหลัง